ชาวบ้านสุดทน! รถบรรทุกปริศนานำสารเคมีมาทิ้งลงทุ่งนาในเขตชุมชน

24 ก.พ. 66

ชาวบ้านสุดทน! รถบรรทุกปริศนานำสารเคมีมาทิ้งลงทุ่งนาในเขตชุมชน เดือดร้อนหนักน้ำเน่าเสียส่งผลกระทบหลายพื้นที่

ภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพนาทีรถบรรทุก 6 ล้อ สีขาวมีผ้าใบคลุมมิดชิด กำลังจอดริมถนนเส้น 331 สัตหีบ-ปราจีนบุรี หมู่ 4 ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี กำลังจอดทิ้งสารเคมีลงทุ่งนา ในภาพจะเห็นมีชาวบ้านจอดรถลงไปถามแล้วถ่ายรูปรถและทะเบียนเอาไว้ได้ เป็นรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่สีขาว ทะเบียนป้ายเหลือง 70-2060 ศรีษะเกษ จากนั้นทางคนขับได้รีบขับรถออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

รภบรรทุก

ต่อมาวันนี้ 24 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ บริเวณชุมชนท่าบุญมี เป็นหมู่บ้านและเขตวัดกับโรงเรียนวัดท่าบุญมี หมู่ 4 ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี พบชาวบ้านพร้อมกับนาวาโท สุนทร แพงไพรี อายุ 57 ปี ประธานเครือข่ายภาคประชาสังคมแทนคุณแผ่นดิน และนายทวี อำพาพันธ์ ผอ.ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก กำลังเร่งเก็บตัวอย่างของสารเคมี ที่อยู่ในคลองน้ำข้างทาง จากการตรวจสอบพบว่าคลองน้ำเป็นคลองที่ส่งน้ำไปได้อีกหลายอำเภอ แต่บริเวณที่ทิ้งสารเคมีพบว่าหญ้าแห้งตาย และเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นไม่สามารถใช้การอะไรได้เลย

สารเคมี

จากการสอบถามนายสมศักดิ์ สงวนนามสกุล อายุ 65 ปีและ นางมาลี งวนนามสกุล อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ได้เล่าว่า ตนมีอาชีพทำนาและการเกษตรมานานหลาย 10 ปี แต่ปีที่แล้วและปีนี้ทำเดือดร้อนหนัก เพราะมีคนเอาสารเคมีมาปล่อยทิ้งลงข้างทาง เป็นคลองน้ำที่ชาวบ้านใช้ทำเกษตร และอีกอย่างพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อการเกษตร พอมาทิ้งสารเคมีแบบนี้ ทำระบบนิเวศเสียหายทั้งปลาในบ่อตายหมด นาข้าวก็เหลืองตายหมด ทำเกษตรไม่ได้เลย น้ำก็ดำเน่าเสียเป็นบริเวณกว้าง เพราะคลองน้ำเส้นนี้เป็นต้นทางที่น้ำจะไหลผ่าน ไปยังอำเภอพนัสนิคมและอำเภอพานทอง ไหลไปบางปะกงเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร ถ้าไม่รีบจัดการอาจจะสร้างความเสียหายได้มากกว่านี้ วอนเจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขและติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษเร็วๆ เพราะทำแบบนี้มักง่ายมาก ชาวบ้านเดือดร้อน

ทิ้งสารเคมี

ทางด้านนายทวี อำพาพันธ์ ผอ.ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก ได้เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้รับการสานงานก็รีบมาเก็บตัวอย่างของสารเคมีไปตรวจสอบ ว่าเป็นสารเคมีชนิดไหน และตอนนี้ได้มีการนำหลักฐานเป็นทะเบียนรถเข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เกาะจันทร์ เพื่อติดตามตัวรถคันดังกล่าวมาสอบสวนว่าได้นำสารเคมีมาจากไหน แล้วทำไมนำมาทิ้งบริเวณชุมชนแบบนี่้ ซึ่งคาดว่าไม่นานจะรู้ตัวเข้าของรถแน่นอน ก็อยากฝากถึงเจ้าของกิจการหรือบริษัทที่ทำสารเคมีอยากให้จัดการทิ้ง หรือกำจัดให้ถูกที่ เพราะทำแบบนี้มีโทษสูงแน่นอน ตามพ.ร.บ.โรงงานและจะโดนทั้งผู้ก่อกำเนิดและผู้ที่ขนส่ง หรือนำมาทิ้งจะต้องมีความผิดร่วมกัน ฐานทิ้งสารเคมีอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตและทิ้งในที่เขตหมู่บ้านและชุมชนทำให้เดือดร้อนตามข้อกฎหมายดังนี้

อุตสาหกรรมเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายประกอบด้วย

พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมคือความผิดฐานประกอบกิจการโรงงานจำพวก 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา 12) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 50)

พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมคือ ความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 23) ขึ้นอยู่กับว่ากากอุตสาหกรรมที่ตรวจพบเป็นวัตถุอันตรายชนิดใด ต้องระวางโทษสูงสุดไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 70 หรือมาตรา 71 หรือมาตรา 72 หรือมาตรา 73)

พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมคือความผิดฐานเก็บขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา 19) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 71) และความผิดฐานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา 33) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 71)

พระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมคือความผิดฐานเก็บขนหรือกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอยโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา34/2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 58/2)

พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ประกอบด้วยความผิดฐานดำเนินโครงการก่อนที่รายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท และปรับรายวันอีกไม่เกินวันละหนึ่งแสนบาท ตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องหรือหยุดการกระทำนั้น (มาตรา 101/1) และต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่าย หากเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของเอกชนหรือมีความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มาตรา 96 และมาตรา 97)

ข้อมูลอ้างอิงจาก พรบ.กระทรวงสาธารณสุข

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส