วันที่ 24 ม.ค. 66 เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตำรวจ สน.เตาปูน รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านภายในชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ หลังมีชายรายหนึ่งคลุ้มคลั่ง ถืออาวุธคล้ายปืนสงคราม บุกเข้ามาภายในชุมชน และได้ก่อเหตุทำร้ายชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ก่อนวิ่งไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในชุมชน จนชาวบ้านแตกตื่นและรีบแจ้งตำรวจเข้ามาระงับเหตุ
ต่อมาชาวบ้านได้แจ้งเหตุ โพสต์คลิปของผู้ก่อเหตุประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ เพื่อให้ระวังตัว โดยระบุข้อความไว้ว่า ”ผู้ก่อเหตุเคยจะเผาบ้านมาแล้ว 1 ครั้ง มีลักษณะอาการติดยา และเพิ่งออกจากเรือนจำมาครับ วันนี้เมื่อเวลา 11.30 น. มีบุคคลต้องสงสัยว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำ ถืออาวุธสงครามเดินเข้ามาในชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ เจ้าหน้าตำรวจ สน.เตาปูน สนธิกำลัง ตามหาตอนนี้ยังไม่พบตัว เพราะภายในชุมชนมีลักษณะซอยทะลุถึงกันเยอะ เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้ใช้ด้ามปืนฟาดท้ายทอยวัยรุ่นในชุมชน น่ากลัวมากครับ ตรงข้ามเป็นโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 2”
ต่อมาช่วงเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าปิดล้อม โดยมีชาวบ้านได้ไลฟ์เฟซบุ๊กไว้ได้ โดยจะเห็นว่า ชายรายนี้ยังหลอนยาและได้ทิ้งอาวุธปืนลงน้ำ ซึ่งปืนที่ใช้ก่อเหตุมารู้ภายหลังว่าเป็นปืนปลอม
หลังผู้ก่อเหตุเจอเจ้าหน้าที่ ได้วิ่งไปที่ริมคลองของชุมชนและร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี และกระโดดหนีตำรวจไปอยู่อีกฝั่งคลอง แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอดในเวลาต่อมาชุดสืบสวน สน.เตาปูน ได้นำกำลังและรวบตัวชายรายนี้ไว้ได้ในที่สุด ก่อนจะควบคุมตัวไปชี้จุดทิ้งปืน แต่ยังหาปืนไม่พบเพราะอยู่ภายในคลอง ซึ่งขณะนั้นเจ้าตัวยังพูดจาวกไปวนมา
จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวชายรายนี้ไป สน.เตาปูน พร้อมพาไปตรวจหาสารเสพติดและพบว่า ปัสสาวะเป็นม่วง และเสพยาบ้ามาอย่างหนัก โดยชายรายนี้มีชื่อว่า นายปุ๊ก ซึ่งจะออกจากคุกคดียาเสพติดมาเมื่อ 18 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พยายามสอบถาม นายปุ๊ก ถึงเหตุผลที่ควงปืนปลอมไปทำร้ายชาวบ้าน เจ้าตัวอ้างว่า ปืนดังกล่าวเป็นปืนปลอมที่ยืมเด็กมาก่อเหตุ และที่ไปทำร้ายนายทรงพลผู้บาดเจ็บนั้น เนื่องจากโมโหที่ก่อนหน้านี้นายทรงพลเคยเช่าบ้านพักของตนเองและได้ย้ายออกไป แต่กลับทิ้งขยะไว้จำนวนมากภายในบ้าน เมื่อตนเองกลับออกมาจากคุกเห็นสภาพบ้านจึงรับไม่ได้ที่ขยะเต็มบ้าน น้ำไฟก็ถูกตัด จึงได้บุกไปทำร้าย
ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้ดำปืนตบนายทรงพลแต่ใช้เท้ากระทืบ หลังก่อเหตุได้ถือปืนไปในชุมชน ถือไปเล่น ๆ ถือไปขำ ๆ เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าชาวบ้านจะแตกตื่น ส่วนเหตุผลที่ต้องร้องเพลงและกระโดดน้ำหนีตำรวจเพราะไม่อยากจะติดคุกอีก แต่ยืนยัน “ผมไม่ได้บ้า”
โดยระหว่างเจ้าตัวให้สัมภาษณ์นักข่าว นายปุ๊ก ยังได้ร้องเพลง “เล่นของสูง” โดยร้องว่า “รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง” และเพลง “ทางผ่าน” ของบิ๊กแอส โดยบอกว่า 2 เพลงนี้ ตนเองได้ร้องขณะโดดน้ำหนีตำรวจเพื่อการคลายเครียดเท่านั้น เพราะชอบร้องเพลง
ด้าน นายทรงพล ตาสมัยเอี่ยม ผู้บาดเจ็บ ซึ่งถูกผู้ก่อเหตุใช้ด้ามปืนอาวุธสงครามปอมทุบบริเวณท้ายทอย เล่าว่า ระหว่างที่ตนเองนอนอยู่ภายในบ้านพัก ตัวของนายปุ๊กผู้ก่อเหตุได้บุกเข้ามาภายในบ้าน และใช้ด้ามปืนอาวุธสงครามถูกเข้าที่ท้ายทอยตนเองขณะนอนหลับ ก่อนจะใช้เท้ากระทืบซ้ำ พร้อมกับต่อว่าตนเองว่า นางอี๊ดแม่ของตนเองไม่ยอมความสะอาดบ้านเช่าของแม่นายปุ๊ก ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 ปีก่อนตนเองและแม่ได้เคยไปเช่าบ้านของแม่นายปุ๊กพักอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้ตนเองเพิ่งย้ายมาเช่าบ้านอยู่ที่บ้านหลังใหม่
ซึ่ง นายปุ๊ก เพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นาน ติดคุกไปหลายปี ทำให้เมื่อกลับมาบ้านเห็นสภาพบ้านตัวเองคงรับไม่ได้ ที่มีแต่ขยะ น้ำไฟถูกตัด ทำให้โมโห และเดินทางมาทำร้ายและไล่ให้ตนเองไปเก็บขยะ ตอนนั้นตนเองตกใจมาก เพราะถูกนายปุ๊กขู่ว่าหากไม่ลุกไปเก็บขยะที่บ้านพัก จะฆ่าให้ตายก่อนจะบังคับให้ตนเองเดินทางไปที่บ้านของนายปุ๊กและใช้มีดจี้จะแทง
โดยระหว่างที่ นายปุ๊ก ถือมีดจี้ตนเดินไปที่บ้านพัก ตนเองอาศัยจังหวะนายปุ๊กเผลอและรีบวิ่งหนีไป จากนั้นด้วยความตกใจ นายปุ๊ก จึงวิ่งหนึไปอีกทางก่อนที่เจ้าตัวจะถูกจับ จนถึงตอนนี้ตนเองก็รู้สึกงงว่า นายปุ๊กเมาหรือหลอนยาบ้าถึงเดินทางมาทำร้าย เพราะเรื่องดังกล่าวมันก็นานมาปีกว่าแล้ว และยืนยันว่าที่ย้ายออกจากบ้านแม่นายปุ๊กไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งขยะไว้ และหลังจากย้ายออกแม่นายปุ๊ก ได้ล็อกประตูบ้านทันที ทำให้เข้าไปทำความสะอาดไม่ได้ก็เท่านั้น