สาวใหญ่เชียงราย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงินล้านกว่า เกลี้ยงบัญชี

11 ม.ค. 66

สาวใหญ่เชียงราย หอบเงินกลับบ้าน หวังใช้ดูแลพ่อแม่ช่วงบั้นปลาย แต่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก สูญเงินเกลี้ยงบัญชี 1.09 ล้านบาท

วันที่ 11 ม.ค. 66 จากกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์หลอกสาวใหญ่เชียงรายว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร หลอกตรวจสอบบัญชีจากการขายก๋วยเตี๋ยว สูญเงินเกลี้ยงบัญชี 1.09 ล้านบาท ไปแจ้งความไว้แล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้านั้น

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย พบกับ นายส่ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 72 ปี และนางทอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของนางโชติวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดเผยกับว่า หลังจากเรียนจบ ลูกสาวก็ไปทำงานโรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ต่อมาได้ตั้งครรภ์ก็เลยลาออกมาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว เก็บหอมรอมริบได้เงินมาประมาณ 1 ล้านกว่าบาท

ต่อมาก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปี ลูกสาวก็กลับมาอยู่ที่บ้าน เพราะต้องการจะกลับมาดูแลพ่อกับแม่ที่อายุมากแล้ว เมื่อมาอยู่บ้านก็มาทำเกษตรอินทรีย์ปลูกผัก ปลูกพริก ดอกอัญชัญ และเลี้ยงไก่ เพื่อขายหารายได้ แต่ช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวมาบอกว่าเงิน 1.09 ล้านบาทที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคารหายไปทั้งหมด โดยลูกก็มีอาการเศร้าเสียใจ และร้องไห้ไปด้วย ตอนนี้ก็ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เทิง และไปติดต่อธนาคารแล้ว แต่เรื่องยังเงียบอยู่ ทุกวันนี้ต้องมาอยู่กับลูกทุกวัน เพราะกลัวลูกจะเครียดจนป่วยซึมเศร้า

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้โทรศัพท์ติดต่อมาที่นางโชติวรรณ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 เวลา 18.18 น. โดยบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสรรพากร สอบถามเรื่องที่เคยเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว และเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง โดยบุคคลที่โทรศัพท์มาได้แนะนำให้แอดไลน์ เพื่อคุยเกี่ยวกับการยกเลิกโครงการคนละครึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีย้อนหลัง จากนั้นคนที่ติดต่อได้ให้กรอกชื่อนามสกุล และเบอร์โทรส่งไปทางไลน์ และให้กดลิ้งค์ที่เขาส่งมาให้ หลังจากกดไปก็พบว่าเครื่องโทรศัพท์เกิดค้างกดอะไรไม่ได้เลย

จนพูดคุยกันจนเสร็จ เหยื่อมารู้ตัวในภายหลังว่าเงินที่ฝากไว้ในธนาคารหายไปหมดเกลี้ยงทั้งบัญชี เป็นเงิน 1,090,000 บาท หลังทราบว่าโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก นางโชติวรรณได้บอกพ่อกับแม่ว่าเงินหายไปจากบัญชีธนาคารจึงพากันไปแจ้งความไว้แล้ว และประสานไปยังทุกช่องทางที่พอนึกออก เพื่อขอความช่วยเหลือ รวมถึงร้องทุกข์ไปถึงทนายรณรงค์แก้วเพชร เพราะเห็นข่าวว่าเคยช่วยทำคดีออกสื่อบ่อยๆ จากนั้นทนายจึงพาประสานสื่อมวลชนตามที่ปรากฏเป็นข่าว ถ้าคดียังไม่คืบหน้าก็อาจเดินหน้าฟ้องร้องธนาคารในฐานะผู้ดูแลเงินต่อไป

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส