"ทนายตั้ม" ใบ้เพิ่มกระชับพื้นที่เดาอย่างมีเป้าหมาย อดีตรองนายกฯ เล่นชู้

9 ม.ค. 66

ทนายตั้ม บอกใบ้ อดีตรองนายกฯ ที่ถูกพาดพิงในคดีชู้สาว เคยเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมานานกว่า 5 ปีแล้ว ยันที่ออกมาเปิดเผยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง แต่เพราะผู้เสียหายถูกข่มขู่จากกลุ่มชายฉกรรจ์ หลังเป็นคดีความ

วันที่ 9 ม.ค.66 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขามูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อกฏหมาย กับชายคนหนึ่ง ที่นำข้อมูลมาปรึกษา เนื่องจากพบว่าภรรยาของตัวเองไปเป็นมีความสัมพันธ์​ลึกซึ้งกับนักการเมือง ที่่เคยเป็น อดีตรองนายกรัฐมนตรี

โดยมีหลักฐานเป็นแชตไลน์ สนทนาพูดคุยกันในเชิงชู้สาว ระหว่างฝ่ายหญิงและอดีตรองนายกฯ

โดย นายษิทรา เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดเมื่อปีตุลาคม 2565 ผู้เสียหายได้นำข้อมูลมาปรึกษาเดือนธันวาคม 2565 เนื่องจากพบว่าภรรยาที่ทำงานอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป จึงเกิดสงสัยไปแอบเปิดโทรศัพท์มือถือของภรรยา และพบข้อความสนทนาทางไลน์กับผู้ชายคนหนึ่ง และยังพบภาพเปลือยของทั้งสองคนถ่ายเก็บบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือด้วย

ผู้เสียหายที่นำความมาปรึกษา รู้สึกเสียใจ เนื่องจากผู้ชายที่มีสัมพันธ์กับภรรยาของตนเองนั้นเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง

นายษิทรา จึงให้คำปรึกษาในเรื่องของข้อกฎหมาย โดยคดีนี้ได้ฟ้องทางแพ่งและฟ้องหย่ากับภรรยาไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 โดยศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นัดคดีเดือนมีนาคมปีนี้

ต่อมา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทราบว่า สามีของผู้หญิงทราบเรื่องแล้ว จึงพยายามตีตัวออกห่าง และมีการฟ้องร้องเพื่อให้ภรรยาของผู้เสียหายคืนทรัพย์สิน​ต่างๆ ให้

จากนั้น ผู้เสียหายและภรรยา​ รวมทั้ง อดีตรองนายกรัฐมนตรี​ นัดเจรจาคดีความนี้กันที่ สน.บางยี่ขัน โดยผู้เสียหายอ้างว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ เข้ามาในโรงพัก มีพฤติกรรมข่มขู่ที่สถานีตำรวจ และตามมาข่มขู่ถึงที่บ้าน

ผู้เสียหาย จึงมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย นำข้อมูลนี้มาปรึกษา เพื่อให้เปิดเผยเรื่องราวนี้ต่อสื่อมวลชน และได้นำข้อมูลหลักฐานไปส่งมอบให้กับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนหนึ่งรับผิดชอบคดีแล้ว

นายษิทรา บอกใบ้ว่า บุคคลดังกล่าวเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ที่ชอบกีฬากอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ฯ

ส่วนบุคคลนี้ จะเคยมีพฤติกรรมลักษณะชู้สาวกับบุคคลอื่นอีกหรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้ แต่กับลูกความตัวเอง ถือว่ามีหลักฐานชัดเจน ดังนั้นการที่บุคคลที่รู้ตัวเองอยู่แล้ว ออกมาปฏิเสธ ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ

ทั้งนี้นายษิทรา ยืนยันว่า บุคคลนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย มานานกว่า 5 ปีแล้ว ดังนั้นเหตุที่เกิดขึ้น จึงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง แต่ถือเป็นคดีความส่วนตัวเท่านั้น

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส