จากกรณีเกิดเหตุสลดใจขึ้นขณะที่ว่าที่เจ้าสาว น.ส.ญัฐกาญจน์ สุดคง อายุ 27 ปี ที่ทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง ในพื้นที่บ้านนา จ.นครนายก กำลังเลิกงานและเดินออกมาจากโรงงานพอดี ก่อนหน้านั้นได้โทรศัพท์ให้แฟนหนุ่มหรือว่าที่เจ้าบ่าว นายอั้ม ชลธิษฐ์ บุญล้ำ อายุ 30 ปี ให้มารับที่บริเวณหน้าโรงงาน
โดยวินาที ที่เจ้าบ่าวขับรถยนต์สีขาวมารับถึงหน้าโรงงาน ปรากฏว่าได้เกิดเหตุร้ายขึ้นเพราะมีรถบรรทุกที่ขับตามหลังมาชนท้าย ทำให้รถยนต์ของว่าที่เจ้าบ่าวสะบัดไปชนแฟนสาวที่ยืนรอ กระเด็นอัดก๊อปปี้กับรถทรัคขายกาแฟบริเวณหน้าโรงงาน ว่าที่เจ้าสาวเสียชีวิตคาที่ ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวบาดเจ็บเล็กน้อย แต่พอเห็นร่างของว่าที่เจ้าสาวแล้วใจแทบขาด
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุปรากฏว่าวันนี้ไม่มีร้านกาแฟรถฟูดทรัค หน้าโรงงานแล้วที่จุดเกิดเหตุยังพบเศษกระจกของรถ Pajero ที่เกิดเหตุตกอยู่ข้างถนน ถัดไปอีกยังพบรถบรรทุก 18 ล้อ จอดข้างทางยางหน้าซ้ายแตก ด้านหน้าของรถพบกันชนหน้าแตกพัง บังโคลนหน้าซ้ายยุบพัง เพราะชนรถยนต์ของว่าที่เจ้าบ่าวอย่างแรง
ที่จุดเกิดเหตุทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงงานวินาทีเกิดเหตุ ช่วงเวลา 17.10 น. ของวันที่ 8 ธ.ค. 65 มุม 1 จะเห็นภาพผู้เสียชีวิตออกไปยืนรอ นายอั้ม ว่าที่เจ้าบ่าว พี่กำลังขับรถยนต์สีขาวมารับ แต่จู่ ๆ รถ Pajero ก็ถูกรถบรรทุก 18 ล้อ ชนท้ายอย่างแรงจนรถปาเจโร่กระเด็นพุ่งชนน้องนัท อัดก๊อปปี้ไปกลับรถ Food Truck ขายกาแฟหน้าโรงงาน
วงจรปิดมุมที่ 2 จะเห็นว่ารถปาเจโร่ขับอยู่ด้านหน้ารถบรรทุก 18 ล้อ เสียหลักพุ่งชนท้ายรถ Pajero จนรถสะบัดขณะที่น้องนัทกำลังยืนรออยู่หน้าโรงงานพยายามจะวิ่งหนีแต่ไม่ทันถูกปาเจโร่กระเด็นอัดร่างกับรถฟู้ดทรัค ภาพมุมนี้จะเห็นว่านายอั้ม ว่าที่เจ้าบ่าวออกมาจากรถทางประตูด้านซ้ายรีบวิ่งมาดูว่าที่เจ้าสาว
วันที่ 9 ธ.ค. 65 ที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลศรีนครินทร์องครักษ์ จ.นครนายก ครอบครัวของว่าที่เจ้าบ่าวและครอบครัวของว่าที่เจ้าสาว รวมถึงเพื่อน ๆ ที่โรงงานกว่า 20 คน ได้เดินทางมาร่วมรับศพ น.ส.ญัฐกาญจน์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า
โดยเฉพาะว่าที่เจ้าบ่าวร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เพราะทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พูดอยู่ตลอดว่าตนจะอยู่กับใครชีวิตไม่เคยห่างกันเลย และได้ก้มลงกราบเท้าพ่อของว่าที่เจ้าสาวเพราะรู้สึกผิดเสียใจที่รถยนต์ของตนเองถูกรถสิบล้อชน แล้วรถก็กระเด็นไปชนว่าที่เจ้าสาวจนเสียชีวิต
ช่วงจังหวะที่เจ้าหน้าที่นิติเวชนำศพของ น.ส.ญัฐกาญจน์ ออกมา เพื่อที่จะพาขึ้นรถเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.เลย เป็นภาพที่สลดใจว่าที่เจ้าบ่าวเข้ามากอดศพและร้องไห้ทำใจไม่ได้ เช่นเดียวกันกับพ่อแม่ของ น.ส.ญัฐกาญจน์ ก็ถึงกับเป็นลม ญาติ ๆ ต้องช่วยกันหามขึ้นรถไปพักผ่อน
ขณะที่นำศพของ น.ส.ญัฐกาญจน์ ว่าที่เจ้าสาวขึ้นรถพยาบาลเพื่อไปทำพิธีที่ จ.เลย ว่าที่เจ้าบ่าวได้ขึ้นรถไปด้วยไปพร้อมกับว่าที่เจ้าสาว และได้ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่าไม่รู้จะพูดอะไรเลย พูดไม่ออกจริง ๆ เสียใจที่สุด เพราะไม่เคยห่างกัน คบกันมากว่า 10 ปี กำลังจะแต่งงานกันในวันที่ 25 ธ.ค. 65 นี้แล้ว เตรียมของงานแต่งไว้หมดแล้ว
ปกติจะไปรับส่งทุกวันและครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับว่าที่เจ้าสาวก่อนเกิดเหตุคือโทรศัพท์คุยกัน โดยว่าที่เจ้าสาวถามว่าถึงไหนแล้ว ตนก็บอกว่ากำลังยูเทิร์นไปรับแล้ว สุดท้ายอยากจะบอกกับว่าที่เจ้าสาวว่ารักเขามาก
ด้าน น.ส.ชัชฎา ฉายเนตร พี่สาวของผู้ตาย เผยว่า วันนี้ตอนมารับศพก็กลั้นน้ำตาไม่ไหว เห็นศพแล้วสงสารน้องสาวสุดใจ เพราะที่ผ่านมาเห็นน้องคบหากับน้องอั้มตั้งแต่สมัยเรียนจนทำงาน เห็นเขาทั้ง 2 คนตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อที่จะแต่งงานในวันที่ 25 ธ.ค. นี้
เท่าที่เห็นเขาทั้งสองคนไปไหนไปด้วยกันตลอดไม่เคยห่างกันเลย และน้องทั้งสองคนเตรียมงานแต่งทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว ทั้งถ่ายพรีเวดดิ้งเตรียมสถานที่ เตรียมบ้าน ส่วนศพน้องพาไปทำพิธีที่บ้านเกิด จ.เลย และเดี๋ยวตนจะไปเตรียมเอาข้าวของงานแต่ง รูปภาพบางส่วนที่น้องอั้มตั้งใจไปไว้ที่งานศพเช่นภาพพรีเวดดิ้ง
ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังร้านพรีเวดดิ้งที่ว่าที่บ่าวสาวได้ใช้บริการ โดยเป็นร้านพรีเวดดิ้งชื่อว่า พรีเวดดิ้งซี ปรากฏว่าเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากบอกว่าตนเห็นข่าวแต่ไม่รู้ว่าเป็นลูกค้าของตนเอง เพราะว่าในข่าวได้เบลอหน้าผู้เสียชีวิต ไม่เห็นหน้าแฟนหนุ่มด้วย และทางเจ้าบ่าวก็ไม่ได้ติดต่อมาเพราะเขาน่าจะยังช็อกและทำอะไรไม่ถูก แต่ทางร้านจะแสดงความเสียใจไปทางบ่าวสาว
ขณะเดียวกันทางร้านยังมอบภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นภาพเหตุการณ์จริง อีกวินาทีแห่งความสุขของว่าที่เจ้าสาวพี่ได้มีโอกาสมาลองชุดแต่งงานและถ่ายภาพอย่างสวยงาม ซึ่งมันเป็นภาพสุดท้ายที่ทุกคนจะได้เห็นเขาทั้งสองคนสวมชุดแต่งงานถ่ายภาพอย่างสวยงาม เพื่อให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายและว่าพี่เจ้าบ่าวเก็บไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ก่อนเจ้าสาวจากไป
ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. บ่าวสาวทั้งสองคนได้เดินทางมาที่ร้านพรีเวดดิ้ง ซึ่งก็มาด้วยรถยนต์คันที่เกิดเหตุ ทั้งสองคนมารองสวมใส่ชุดแต่งงานเป็นชุดไทยสีแดงครีม ตามธีมงานแต่งของคู่ผู้บ่าวสาว แล้วก็ช่วงเวลา 16.56 น. ก็เป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวได้สวมใส่ชุดที่พอใจพี่จะใช้ในงานแต่งงานของเขาทั้งสองคนในภาพก็ยังเห็นโมเมนต์ดี ๆ ที่ว่าที่เจ้าสาวไปติดกระดุมเสื้อให้กับเจ้าบ่าว นอกจากนี้ทางร้านยังได้ทำคลิปโปรโมทร้าน โดยใช้ภาพของว่าที่เจ้าสาวในการโปรโมตชุดของทางร้านด้วย
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านงานแต่งของว่าที่คู่บ่าวสาว โดยพบว่าพื้นที่บริเวณบ้านมีการถางหญ้าให้โล่งเตียนเพื่อที่จะเตรียมไว้สำหรับเป็นพื้นที่งานแต่ง ข้างบ้านก็พบว่ามีขาตั้งรูปที่ทำด้วยไม้วางอยู่ประมาณ 7-8 อัน พร้อมกับผ้าสแลนสีเขียว ส่วนภาพพรีเวดดิ้งที่สำหรับตั้งในงานแต่งงานอยู่ในบ้านของว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวซึ่งได้ปิดล็อกประตูไว้
นางรำพรรณ ฉายเนตร ป้าของว่าที่เจ้าบ่าว บอกกับทีมข่าวว่าหลานชายและหลานสะใภ้ได้จัดเตรียมที่จะแต่งงานในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ป้าเองก็อยู่ระหว่างการช่วยจัดเตรียมพื้นที่ช่วยดูเรื่องอาหารแล้วก็พิธีการงานแต่งให้
ทั้งหลานชายและหลานสะใภ้คบหากันมา 10 ปี ตั้งแต่สมัยที่เขาเรียนหนังสือจนทำงาน แล้วเขาก็ช่วยกันสร้างบ้านเป็นเรือนหอของเขาเองแล้วก็กำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวกัน ทั้งสองคนไม่เคยห่างกันเลย หลานชายเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ส่วนหลานสะใภ้เขาจะไม่ค่อยพูด เรียบร้อยน่ารักหน้าตาสดใสแต่ช่วง 2-3 วัน ก่อนเกิดเหตุป้าก็สังเกตเห็นหน้าของหลานสะใภ้ดูหมองเศร้าผิดปกติ แต่ไม่กล้าทัก สุดท้ายเกิดเหตุจรดใจขึ้นป้าเองยังทำใจไม่ได้เสียใจที่สุด
โดยนายปิยะพันธ์ มาหา ทางร้านพรีเวดดิ้งได้ติดต่อกลับมายังทีมข่าวว่าเจ้าบ่าวได้ติดต่อมาแล้วโดยใช้เฟซบุ๊กของผู้ตายส่งข้อความ บอกว่าไม่ต้องส่งชุดแต่งงานให้เขาแล้ว ทางร้านบอกว่าทราบเรื่องแล้วและขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย และทางร้านได้คืนเงินค่าเช่าชุดให้บ่าวสาว จำนวน 5,000 บาท