อัยการส่งฟ้อง "เจ๊นุช" กับแฟนหนุ่ม 7 ข้อหา ทั้งคู่ยอมรับแค่ทำร้ายร่างกาย ทหารหญิงรับใช้ อีก 6 ข้อหายังปฏิเสธ
วันที่ 1 ธ.ค.65 ทนายโรส อังศวีร์ พร้อมกับนางสาว เอ ทหารหญิงในสังกัดกองทัพไทย ยศสิบตรี ซึ่งเป็นทหารหญิงรับใช้ ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อมารับฟังว่า เจ๊นุช ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ บัวแย้ม ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 กระทำทารุณกรรมต่อทหารหญิง
ซึ่งเป็นลูกจ้างสารพัดวิธี กระทั่งนางสาว เอ ทนต่อความโหดร้ายนานกว่า 2 ปีไม่ไหว จนครอบครัวนำเรื่องเข้าร้องทุกข์กับ กัน จอมพลัง นำมาสู่ความช่วยเหลือและตีแผ่เหตุการณ์โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ พร้อมกับนาย คมสิทธิ์ จังพานิช ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มและเป็นคนที่ร่วมทำร้ายร่างกายนางสาว เอ ด้วย จนเป็นข่าวโด่งดังตามที่ได้นำเสนออย่างต่อเนื่องนั้น จะให้การรับสารภาพหรือปฎิเสธ
โดยทางศาลได้มีการเบิกตัวออนไลน์ จากเรือนจำกลางราชบุรี หลังทางอัยการจังหวัดราชบุรี ได้ทำการส่งฟ้อง ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ บัวแย้ม และนายคมสิทธิ์ จังพานิช ใน 5 ฐานความผิด 7 ข้อหา คือ ค้ามนุษย์ พรบ.แรงงาน พรบ.พกพาอาวุธปืน ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อร่างกาย บังคับใช้แรงงาน และร่วมกันทำร้ายร่างกายทั้งสาหัส และไม่สาหัส
โดย ทนายโรส อังศวีร์ ได้ให้สัมภาษณ์ ว่าวันนี้เป็นวันนัดคุ้มครองสิทธิ์ ซึ่งศาลจะแจ้งให้กับทางผู้ต้องหาว่าโดนคดีอะไร ซึ่งเจ๊นุชกับแฟนนั้นจะโดนอัยการสั่งฟ้องใน 7 ข้อหา ซึ่งหนักสุดก็จะเป็นคดีค้ามนุษย์ ซึ่งจะมีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต แต่ทั้งเจ๊นุช และแฟนหนุ่มนั้นปฎิเสธทุกข้อหา ซึ่งหลังจากนี้ไปก็จะเป็นการไปสืบในข้อเท็จจริง ซึ่งจะเป็นการสืบตามเอกสาร
แต่การที่ผู้ต้องหาจะรับสารภาพหรือปฎิเสธก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ในส่วนของนางสาว เอ ซึ่งเป็นผู้เสียหายก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าเสียหายเพราะถูกกระทำมา
ด้านนางสาว เอ ก็บอกว่า ที่ผ่านมายังไม่มีใครติดต่อที่จะเยียวยาอะไร ซึ่งมาถึงวันนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย แต่ก็เชื่อมั่นในขบวนการยุติธรรมอยู่
ส่วนที่ผู้ต้องหาปฎิเสธก็เชื่อว่าจะมีผลของกรรมและเชื่อมั่นในขบวนการยุติธรรมว่าทุกอย่างจะถูกตัดสินตามความเป็นจริง และมีหลักฐานแน่นหนาแม้ว่าผู้ต้องหาจะปฎิเสธ ส่วนเรื่องอาการบาดเจ็บนั้นตอนนี้ตามร่างกายก็หายเกือบปกติ แต่จะมีก็เรื่องจมูกที่ยังหายใจด้วยจมูกข้างเดียว เพราะกระดูกฐานจมูกแตกละเอียด ทำให้ดั้งเบี้ยว ทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะหาหมอรักษาได้
