สคบ.เรียกเงินคืนให้ผู้บริโภคกว่า 11 ล้านบาท ปมซื้อห้องชุด แต่ไม่ได้สิทธิจอดรถ

2 พ.ย. 65

สคบ. เรียกเงินคืนให้ผู้บริโภคกว่า 11 ล้านบาท ปมซื้อห้องชุด แต่ไม่ได้สิทธิจอดรถตามสัญญา หลังคดียืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565  เวลา 10.00 น. นายอุฬาร  จิ๋วเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานในพิธีมอบเงินคืนให้แก่ผู้บริโภค จำนวน 36 ราย รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท ณ ห้องประชุม 5 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภ8

กรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาซื้อขายห้องชุด ซึ่งตามบันทึกข้อตกลงในการซื้อขายห้องชุด ระบุว่า “ผู้จะซื้อมีสิทธิในการจอดรถยนต์ภายในทรัพย์ส่วนกลางแบบไม่ระบุตำแหน่ง จำนวน 1 คัน และแบบระบุตำแหน่ง จำนวน 1 คัน ตามที่นิติบุคคลอาคารชุดจะกำหนด” แต่ผู้บริโภคไม่สามารถใช้งานพื้นที่ดังกล่าวได้

จากกรณีที่ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในการประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2561 ได้มีมติมอบหมายให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคดำเนินคดีแพ่ง แก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง เพื่อบังคับให้บริษัทฯ ชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภคและพวกรวมจำนวน 36 คน เป็นเงินคนละ 664,235 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 25,250,930 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย   ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โจทก์  ได้ส่งเรื่องร้องทุกข์ไปยังอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแพ่งกรุงเทพใต้  เพื่อดำเนินการตามมติคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคดังกล่าว 

ต่อมาสำนักงานคดีแพ่งกรุงเทพใต้ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แจ้งผลคดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้อง  สคบ.  จึงแจ้งไปยังอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้พนักงานอัยการในฐานะเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค อุทธรณ์คำพิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่าให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่ผู้บริโภครายละ 250,000 บาท รวม 36 ราย เป็นเงิน 9,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564  เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ 

ต่อมาจำเลยได้ยื่นฎีกา ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกายกคำร้องและไม่รับฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมด
แก่จำเลย จำเลยจึงได้นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล และเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 สคบ. ได้ไปยื่นคำแถลงต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลคำนวณยอดหนี้ และขอรับเงินที่จำเลยนำมาวางศาล เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา จำนวน 11,201,911  บาท

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส