วันที่ 25 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก น.ส.ภิญญดา ศรีรักษ์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้าน ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ ว่าได้ถูกเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน มีพฤติกรรมบุกปีนกำแพงเข้ามาในบริเวณบ้านช่วงเวลายามวิกาล ก่อนมายืนมอง น.ส.ภิญญดา ที่บริเวณหน้าต่างห้องพักส่วนตัว
ซึ่งพฤติกรรมของเพื่อนบ้านคนดังกล่าวได้ทำแบบนี้มานาน 3 ปี และทุกครั้งหลังเกิดเหตุก็ได้มีการแจ้งไปทางญาติและกลับถูกปฎิเสธความรับผิดชอบจากทางญาติ จึงทำให้ น.ส.ภิญญดา เกิดความกลัวต้องอยู่อย่างหวาดระแวงตลอดเวลาจึงเป็นสาเหตุร้องทุกข์สื่อ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักส่วนตัวของ น.ส.ภิญญดา เจ้าตัวได้เล่าว่าคนก่อเหตุเป็นชาย อายุ 44 ปี ซึ่งอยู่ข้างบ้านห่างจากบ้านของตนไม่ถึง 20 เมตร ได้ก่อเหตุปีนกำแพงเข้ามาในบริเวณบ้านทั้งช่วงเวลากลางวันและยามวิกาล ก่อนจะเดินไปรอบ ๆ บ้านและสอดส่องเข้ามาในบ้าน ซึ่งยังมีการบิดลูกบิดประตูห้องพักส่วนตัวอยู่บริเวณโรงจอดรถ ปกติตรงนั้นจะเป็นที่นอนของตน
ซึ่งพฤติกรรมเพื่อนบ้านไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ แต่ประสงค์ตัวบุคคลคือตนเพราะว่าทุกครั้งที่ตนกลับเข้าบ้านเค้าจะแอบมองตนตลอดจากนั้นก็จะปีนเข้ามาในบ้านจะเดินไปที่ตรงประตูและบริเวณหน้าต่าง หนักสุดถึงขั้นปีนข้ามกำแพงจะเดินตามเข้ามาในบ้าน
หลังเกิดเหตุทุกครั้งตนได้มีการเจรจาพูดคุยกับทางพ่อแม่ของชายคนดังกล่าวว่า ลูกมีพฤติกรรมแบบนี้นะจะพาไปบำบัดไหมหรืออะไรยังไงก็บอกมา แต่ปรากฎว่าทางครอบครัวเค้านิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันตนได้อาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียว ส่วนสามีนั้นทำงานรับราชการอยู่ต่างจังหวัดและทุก ๆ 20 วัน ก็จะกลับมาบ้าน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนต้องอยู่อย่างหวาดระแวง คือกลับมาบ้านก็นอนไม่หลับต้องมากังวลตอนออกจากบ้านและทุกครั้งตนต้องมากังวลต้องมองไปที่บ้านเค้าว่าเค้าจะมาตอนไหน พอกลับเข้าบ้านแทนที่จะกลับเข้าบ้านอย่างมีความสุขบ้านคือที่ปลอดภัยแต่กลับกลายเป็นว่าต้องมาตรวจสอบรอบ ๆ บ้านก่อนว่าประตูหน้าต่างมีรอยงัดแงะไหมเค้าอยู่ในบ้านไหม
ส่วนเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งขอความช่วยเหลือไหม ตนก็ได้แจ้งไปนะเหมือนแจ้งไปตำรวจเค้าก็มาและบอกว่าจะดำเนินคดีให้แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร เพราะเหตุยังไม่เกิดแต่ตอนนี้ความรู้สึกของตนได้วิตกกังวลไปแล้วเหมือนตอนนี้บ้านคือที่พักผ่อนตนแทบจะไม่ได้ออกมาข้างหน้าบ้านเลยเปรียบเหมือนกับเลิกจากการทำงานกลับมาบ้านเหมือนอยู่หอพักออกไปไหนไม่ได้อะไรประมาณนี้และก็ยังมีแม่กับน้องเมื่อก่อนอยู่ที่นี่แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้แม่กับน้องต้องไปอยู่ที่อื่น
ทีมข่าวย้อนกลับไปยังบ้านผู้ก่อเหตุ ได้พูดคุยกับ นายอาร์ม ผู้ก่อเหตุ พูดจาวกไปวนมา เปิดเผยว่า ตนไม่ได้อยากเข้าไปยืนในบ้านของเพื่อนบ้านเลย แต่ในช่วงกลางคืนมักจะมีคนวิ่งไปมาในบริเวณบ้านตนก็พยายามวิ่งไล่ และเข้าไปถึงในบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายคนในบ้าน เพียงแต่ไปยืนรอคนที่ตนวิ่งไล่ตามไป โดยตอนที่ไปยืนรอ เพราะมีคนในบ้านบอกให้ตนยืนรอและจะเปิดประตูให้
ตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนเรียกให้ตนเดินเข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งตนก็ถูกดำเนินคดีมาหลายครั้งแล้ว แต่ยืนยันว่าทำไปเพราะมีคนเรียก
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายอมร (นามสมมติ) อายุ 72 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ลูกชายติดยามา 10 ปี เพราะเจ้าตัวเคยผิดหวังที่สอบราชการไม่ได้ แต่มีการสวมชื่อของเด็กเส้น จึงได้เสพยามาตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนหน้าที่ตำรวจเคยพาไปบำบัดแล้ว แต่พอกลับมาก็เป็นเหมือนเดิม ตนยังบอกอีกว่าไม่ได้ติดต่อลูกนานแล้วเพราะเหนื่อย ตนยังต้องทำมาหากิน ไม่มีเวลาที่จะต้องตามไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ ตอนนี้ก็ทำได้เพียงระวังไม่ให้เจ้าตัวไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น และคอนตักเตือนตอนลูกชายของตนทำอะไรผิดแปลกไป
