จากกรณี น.ส.ปาริชาติ ครองสำราญ หรือ เจ้แป๋ว ร้องเรียนว่าลูกน้องของตนเองประกอบไปด้วย นายต่อ อายุ 39 ปี, นายโอบ อายุ 23 ปี และนายยศ อายุ 39 ปี ไปเที่ยวสถานบันเทิงใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 62 แต่ถูกพนักงานภายในร้านช่วยกันจับตัวแล้วกักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกายทั้ง 3 คนได้รับบาดเจ็บ โดยนายต่อถูกกระทืบใบหน้าจนสมองบวม สาเหตุมาจากที่ทั้ง 3 คนถูกพนักงานภายในร้านกล่าวหาว่าไปข่มขืน น.ส.ส้ม (นามสมมติ) พนักงานของร้านดังกล่าว
วันที่ 23 พ.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ภายในสถานบันเทิงใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี พบว่าเป็นร้านโครงเหล็ก ขนาดไม่ใหญ่ มีบริการโต๊ะสำหรับลูกค้าที่ชั้น 1 และชั้น 2 เป็นโซนห้องคาราโอเกะ หรือ ห้อง VIP มีอยู่ 4 ห้อง มีทางขึ้นลงได้ทางเดียว
โดยน.ส.แจน (นามสมมติ) พนักงานบริการของร้าน และเป็นเพื่อนกับ น.ส.ส้ม ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเข้าไปเจอ น.ส.ส้ม คนแรก โดยในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ร้านกำลังจะปิดให้บริการ ลูกค้าโต๊ะดังกล่าวได้ขอเปิดห้อง VIP ต่อ ตนและ น.ส.ส้มจึงเดินขึ้นไปชั้น 2 กับลูกค้าทั้ง 3 คน เพื่อเปิดห้อง ซึ่งปกติห้องVIP จะเปิดไฟ และเปิดโทรทัศน์ไว้ ถึงแม้จะปิดม่านทั้งหมดในช่วงเวลามีลูกค้า แต่ไฟจะต้องเปิดไว้
ระหว่างนั้นเจ้าของร้านโทรศัพท์มาแจ้งตนให้ลงไปช่วยนับเงินที่ชั้น 1 ทำให้ น.ส.ส้มอยู่ในห้องกับลูกค้าเพียงลำพัง ซึ่งตนลงไปได้เพียง 10-15 นาที ก็มีพนักงานเดินมาเรียกให้ขึ้นไปดูบนห้องดังกล่าว เพราะพบความผิดปกติ คือไฟในห้องถูกปิด
น.ส.แจนเล่าว่า เมื่อเดินขึ้นไปถึงห้องดังกล่าว ประตูห้องถูกปิด เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าไฟภายในห้องก็ถูกปิดอยู่ ตนจึงเดินไปเปิดไฟในห้องทันที จากนั้นภาพที่เห็นคือ น.ส.ส้ม นอนอยู่บนโซฟา สภาพท่อนล่างเปลือย ท่อนบนเสื้อเกาะอกที่ใส่อยู่เลื่อนลงมาที่บริเวณหน้าท้อง ท่าทีเพื่อนตนเหมือนคนเมายาอะไรสักอย่าง เพราะทำงานด้วยกันมานาน จึงรู้ว่าเวลาเพื่อนเมาเหล้า จะไม่มีอาการเช่นนี้ ส่วนนายต่อเป็นคนเดียวที่ยังอยู่ในห้องเกิดเหตุ ลักษณะยืนอยู่ปลายโซฟา คล้ายกำลังลวนลามเพื่อนตน ด้วยความตกใจตนจึงกรี๊ดลั่นห้อง และสอบถามนายต่อว่าทำแบบนี้กับเพื่อนตนได้อย่างไร ซึ่งนายต่อไม่ตอบ และรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที จากนั้นตนเดินเข้าไปดูเพื่อนใกล้ ๆ เห็นสภาพแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก จึงกรี๊ดอีกรอบจนพนักงานในร้านขึ้นมาดู
นอกจากนี้ น.ส.แจน ได้เผยภาพข้อความแชตไลน์ที่คุยกับนายโอบ โดยนายโอบไลน์มาบอกตนว่ากลับบ้านแล้ว และทักมาว่า ตนอยู่บนห้องหรือไม่ หากอยู่ให้ระวังตัว ตอนนั้นตนไม่ได้คิดอะไร จนหลังเกิดเรื่องตนจึงไลน์ไปต่อว่านายโอบ ซึ่งนายโอบก็ขอโทษแทนเพื่อนของเขา สำหรับสาเหตุที่ตนมีไลน์นายโอบ เนื่องจากนายโอบได้ขอไว้ตอนตนบริการเขาอยู่ที่ชั้น 1 โดยยืนยันพวกตนไม่เคยรู้จักกลุ่มพวกนี้มาก่อน
ด้านนายโอบ ยืนยันวันที่เกิดเรื่องตนเองเพียงไปนั่งดื่มสังสรรค์ก่อนเกิดเหตุเท่านั้น ซึ่งตนไปร่วมวงเหล้าแค่ตอนนั่งที่ชั้น 1 เท่านั้น แต่หลังจากแฟนโทรศัพท์ให้ออกไปรับกลับบ้าน ตนก็เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ซึ่งขณะนั้นเห็นนายต่อกับนายยศอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ โดยยังไม่เห็น น.ส.ส้ม ขณะนั้นนายยศนอนหลับอยู่บนโซฟา ส่วนนายต่อนั่งดื่มสุราที่โซฟาเช่นกัน
ซึ่งตนบอกทั้ง 2 คนไปว่าตนขอกลับก่อน ต้องไปรับแฟน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตนก็ออกไปจากร้าน ยืนยันว่าตนเพิ่งทราบว่าเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นตอนที่ น.ส.แจนไลน์มาบอก ส่วนเรื่องวางยานั้นตนเองไม่ทราบ นอกจากนี้ ตนมีโอกาสคุยกับนายยศหลังเกิดเรื่อง นายยศก็บอกว่าวันนั้นเขาเมาหลับไป ไม่ทราบเรื่อง และตนก็ยังไม่ได้คุยอะไรอีก
ส่วนที่ตนส่งข้อความไลน์หา น.ส.แจนแล้วบอกให้ระวังตัวก็เพื่อความหวังดีเท่านั้น กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากมีการเปิดห้องเป็นการส่วนตัว หลังมีข่าวออกไปยอมรับว่าเครียดถึงขั้นนอนไม่หลับ
ขณะที่ น.ส.ส้ม ผู้เสียหาย กับเจ๊อี๊ด เจ้าของร้านที่เกิดเหตุ และนายนนท์ พนักงานร้าน ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.20 น. โดยเจ๊อี๊ด ยืนยันว่า ตนพยายามจะพาน.ส.ส้ม ไปแจ้งตำรวจ แต่น.ส.ส้มบอกว่าจะไม่ไปโรงพักเพราะอาย จะต้องเลี้ยงดูยายและลูกเล็ก จากนั้นคนที่ร้านก็ตามนายต่อมาพบ โดยแฟนของน.ส.ส้ม และลูกค้าในร้านเป็นคนรุมกระทืบนายต่อ และนายต่อมากราบเท้าขอโทษตน บอกว่าจะให้เงินชดใช้ผู้เสียหาย 100,000 บาท แลกกับการไม่แจ้งความ โดยอ้างขอความเห็นใจว่าภรรยากำลังจะคลอดลูกวันที่ 24 พ.ค.นี้ ซึ่งมีพยานในที่เกิดเหตุได้ยินกว่า 20 คน ทั้งนี้ ยืนยันว่านายต่อเมา แต่เพื่อนอีก 2 คนไม่เมา และสามารถวิ่งหนีออกไปได้อย่างรวดเร็ว
เจ๊อี๊ดกล่าวทั้งน้ำตาว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนเห็นน.ส.ส้มทุบตีตัวเอง ตนรู้สึกสงสารมาก เพราะตนก็มีลูกสาว และคิดว่าไม่อยากทำร้านแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ตนรู้สึกผิดมาก หลังจากนี้จะเปลี่ยนรูปแบบร้านให้เป็นร้านอาหารเท่านั้น ส่วนที่นายต่ออ้างว่าร้านจัดฉากเพื่อหวังตบทรัพย์นั้น ยืนยันว่าตนไม่จำเป็นต้องทำ เพราะนายต่อไม่ใช่เสี่ยที่มีเงินมาก และตนก็หาเงินได้ด้วยวิธีสุจริต