เปิดนาทีหวิดตาย! สาวถูกไล่ฟันผิดตัว ถอดกันน็อกคนร้ายผงะเป็นผู้หญิง ร้องขอช่วยแล้งน้ำใจ (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุว่าเป็นพ่อของผู้ช่วยพยาบาลสาว ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร โพสต์ภาพอาการบาดเจ็บของลูก และคลิปผู้ต้องสงสัยตามประกบทำร้ายร่างกายลูกสาว ที่เพิ่งออกเวรช่วงเที่ยงคืน และขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ผ่านเส้นทางเปลี่ยว ก่อนถูกรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมตัดพ้อว่าลูกสาวทำงานช่วยชีวิตคน แต่ถูกตามเอาชีวิตเสียเอง

วันที่ 22 พ.ค. 62 นางสาวสายจิต เสกิระ ผู้บาดเจ็บ ที่ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องพักฟื้นโรงพยาบาล เล่าให้ฟังว่า หลังออกเวรประมาณเที่ยงคืนได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านตามปกติ ระหว่างทางเห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่ขึ้นมาจากข้างทาง ในระยะประมาณ 300 เมตร ซึ่งเป็นบ้านของคนแถวนั้น ในใจคิดว่าเป็นคนที่มาตั้งวงดื่มเหล้าบ้านเพื่อน แล้วกำลังแยกย้ายกันกลับ จึงขี่รถไปตามปกติ ไม่นานรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวก็เบรก ตนคิดว่าเขาคงทำของหล่น ก่อนที่ตัวเองจะเบาเครื่อง แต่รถของคนร้ายกลับจอดขวางเลนถนนไว้ โดยคนซ้อนเดินมาขวางกลางถนน ตนจึงเริ่มเอะใจและพยายามขี่รถเลี่ยงฝ่ากลางระหว่างรถจักรยานยนต์ของคนร้ายและคนซ้อนที่ลงมายืนดักรออยู่ แล้วรถของตนเบนไปทางคนยืน อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีวัตถุบางอย่างฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง แต่ไม่ได้จอดรถ พยายามบิดเครื่องไปต่อ คนร้ายก็ยกมือฟาดขึ้นอีกครั้ง ตนจึงยกแขนขึ้นมากันไว้

วินาทีนั้น คิดอย่างเดียวคือต้องบิดรถหนีให้ได้ และได้ยินเสียงคนร้ายตะโกนด่าด้วยคำหยาบคาย ตอนนั้นคิดในใจว่าต้องตีผิดตัวแน่ ๆ ถ้าเขารู้ว่าเราเป็นผู้หญิง คงไม่ทำอะไร ตนจึงขี่รถเข้าข้างทางที่เป็นบ้านคน แล้วถอดหมวกกันน็อกออก ทำให้คนร้ายเห็นว่าไม่ใช่คู่อริ พอ 2 คนร้ายเห็นหน้าจึงผงะ รู้ว่าตีผิดตัวแน่ ๆ ก่อนรีบขี่รถหนีไป ตอนนั้นตนยังตะโกนถามว่า "พี่ตีหนูทำไม กลับมาช่วยหนูก่อน" แต่คนร้ายก็ไม่ฟัง

ด้านแพทย์หญิงรจนา ขอนทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ผลการตรวจร่างกายผู้บาดเจ็บ มีบาดแผลฉีกขาดที่ใบหน้า รอยฟกช้ำที่ดวงตาทั้ง 2 ข้างและแขนขวา จากการถูกของมีคมไม่ทราบชนิด รักษาโดยเย็บแผลทำความสะอาด ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน

นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณโค้งเขาดิน ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านเกาะสะบ้า ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยอยู่ในเขตชุมชน มีบ้านเรือนประชาชนติดกันหลายหลัง พร้อมกับมีไฟทางส่องสว่างตลอดเส้นทาง แต่เมื่อเลยช่วงโค้งไปเพียงเล็กน้อย จะเป็นมุมอับ เนื่องจากเป็นทางโค้งหักศอก โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่ห่างออกไปเพียง 100 เมตรเท่านั้น สองข้างเป็นไร่อ้อยของชาวบ้าน สลับกับดงกล้วย สภาพค่อนข้างเปลี่ยว

โดยนายนพพล เหมือนอ่อง อายุ 30 ปี ชาวบ้านที่เข้ามาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ซึ่งบ้านอยู่เยื้องกับจุดเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่กำลังจัดเตรียมของไปขายในวันรุ่งขึ้น แฟนและแม่ยายของตนหันมาเห็นแสงไฟจากโทรศัพท์ของผู้บาดเจ็บส่องอยู่ จึงเรียกให้ตนออกมาดู เมื่อออกมาก็เห็นผู้บาดเจ็บนอนเอาหัวหนุนเบาะรถจักรยานยนต์อยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ปากก็คุยโทรศัพท์ ตอนแรกตนก็กลัวยังไม่กล้าเข้าไปช่วย เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นคนเป็นร้ายเสียเอง จึงรีบไปเรียกแฟนให้มาอยู่เป็นเพื่อน ตอนนั้นคนเจ็บเริ่มไม่ค่อยมีสติแล้ว จึงคิดว่าต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ทั้งที่มีรถขับผ่านไป 2 คัน แต่ก็ไม่มีใครจอดรับ นายนพพลบอกอีกว่า ที่ผ่านมาในหมู่บ้านไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้ แต่ก็เคยมีกลุ่มวัยรุ่นดักตีกันบ้างนาน ๆ ครั้ง เนื่องจากช่วงกลางคืนถนนค่อนข้างเงียบ มีรถผ่านเพียงชั่วโมงละ 1 คัน