จากกรณีที่เพจ "สายไหมต้องรอด" ได้ลงภาพเยาวชน 1 ราย อายุ 15 ปีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เนื่องจากมีกัญชาและบ้องกัญชาเอาไว้ในครอบครอง และระบุข้อความว่า "#จังหวัดนครปฐม แอดคะ ไหนบอกว่ากัญชาถูกกฎหมายแล้วไงคะ วันก่อนลูกหนูกับพวกเพื่อนเขาอายุยังไม่ถึง 15 เลยค่ะ ไปถูกตำรวจจับที่นครปฐม เจอกัญชากับบ้องกัญชาค่ะ พี่ตำรวจเรียกเครียร์เงิน 28,000 บาท หนูได้ถามตำรวจแล้วไหนว่ากัญชาถูกกฎหมายทำไมยังถูกจับ ตำรวจบอกยังไม่ถูกค่ะยังจับได้ ถ้าไม่เครียร์จะส่งลูกหนูไปเข้าคุก สุดท้ายต่อรองแล้วพี่ตำรวจลดให้เหลือ 10,000 บาทค่ะ พวกผู้ปกครองก็เลยรวมเงินกันจ่ายไปคะ หนูเลยอยากให้แอดช่วยประชาสัมพันธ์ว่ากัญชามันยังไม่ถูกกฎหมายนะคะลูกหนูโดนมาแล้ว.....
#แอดไปไม่ถูกเลยค่ะ ไม่รู้จะอึ้งอันไหนดี อึ้ง!แรก เด็กอายุไม่ถึง 15 สูบกัญชา😳 //หรือ อึ้ง!สอง เด็กถูกจับเพราะสูบกัญชา😳😳 //หรือ อึ้ง!สาม ถูกจับแล้วพี่ตำรวจเรียกเครียร์เงิน 28,000 😳😳😳 #อึ้งอันไหนดี 😅😅 .... #ฝาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบช.ภ.7 ตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้คุณแม่น้องหายสงสัยทีค่ะ"
วันที่ 3 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม น้องโหน่ง (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ เล่าว่าช่วงบ่ายโมงของวันจันทร์ที่ 26 ก.ย. 65 ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตนและเพื่อนเพื่อนที่เป็นเยาวชน รวมกัน 6 คน คือตน เพื่อนอีก 2 คน ด.ช.ก (นามสมมติ), ด.ช.ข (นามสมมติ) อายุ 14 ปี, นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ได้ยืนพูดคุยกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าออกทาง
จากนั้น นายเอสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจอดที่ตรงข้ามประตูทางเข้า นายเอบอกว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินเข้าไปทักทายด้วยการยกมือวันทยหัตถ์ แล้วบอกว่า "หวัดดีครับจ่า" จากนั้นตนและเพื่อนกำลังจะเดินผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ หันไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า "จ่ารู้จักเพื่อนผมด้วยหรอ" จ่าจึงตอบกลับมาว่าไม่รู้จัก จากนั้นจึงได้เรียกตนมาค้นตัว พบว่าในกระเป๋าเป้มีบ้องกัญชา เขียง มีด และกัญชาอยู่ภายในถุงซิป จึงได้ทำการจับตัวเยาวชนทั้ง 4 คน และมีการเรียกตำรวจนอกเครื่องแบบมาอีกนาย สวมหมวกแก๊ปสีดำ เป็นชายใส่เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงสีดำรองเท้าสีขาว ที่ยืนกอดคอตน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกลับน้องหนู น้องหนูบอกว่าให้ปล่อยเพื่อนอีก 2 คนไป ซึ่งเพื่อนอีก 2 คนที่อยู่ด้วยนั้นไม่เกี่ยวข้อง เหลือเยาวชนที่เป็นผู้ต้องหา 4 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขี่จักรยานยนต์ พาเยาวชนทั้ง 4 คนไปที่ป้อมตำรวจบริเวณหน้าตลาดสมภพ เมื่อมาถึงได้พาเยาวชนทั้ง 4 คนเข้าไปภายในป้อม และได้เปิดหนังสือกฎหมายให้เยาวชนทั้ง 4 คนดูว่าผู้เป็นเยาวชนมีกัญชาไว้ในครอบครองเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
จากนั้นจึงบอกให้ทุกคนติดต่อกับผู้ปกครองให้มาพบเจ้าที่ตำรวจ พร้อมก็บอกทุกคนว่าจะต้องจ่ายค่าปรับคนละ 7,000 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 28,000 บาทแลกกับการปล่อยตัว ตนจึงโทรแจ้งให้แม่ที่อยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี แต่แม่ไม่สะดวกเดินทางมา จากนั้นนายเอ โทรแจ้งให้แม่ทราบ เมื่อเดินทางมาถึงได้มีการพูดคุยต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมาก ทางผู้ปกครองไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวได้ มีการพูดคุยต่อรองกัน จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงบอกว่าให้นำเงินสดจำนวน 10,000 บาทมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนเวลา 17.00 น. เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเยาวชนทั้ง 4 คนโดยไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย แม่ของนายเอจึงได้ไปกู้เงินหนี้นอกระบบมาเป็นเงินสด 10,000 บาท และมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเจ้าที่ตำรวจจึงได้ปล่อยตัว
นางปลา (นามสมมติ) อายุ 35 ปี แม่ของนายเอ อายุ 18 ปี บอกว่าลูกชายได้โทรมาบอกว่าโดนเจ้าที่ตำรวจจับ เนื่องจากเพื่อนที่ชื่อโหน่งพกกัญชาและบ้องเอาไว้ในกระเป๋า ตำรวจบอกว่าให้แม่ไปพบที่ป้อมตำรวจ หน้าตลาดสมภพ เมื่อเดินทางไปถึงได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่ใส่ชุดสีดำ
หากต้องการประกันตัว เยาวชนทั้ง 4 รายต้องจ่ายเงินคนละเท่าไร เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าคนละ 1,000 กว่าบาทเท่านั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจึงบอกว่าให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบที่เป็นคนจับกลุ่มเยาวชนทั้ง 4 คน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบเดินเข้ามาในป้อม บอกว่าหากจะต้องการประกันตัวเยาวชนทั้ง 4 คน ต้องจ่ายเงินคนละ 7,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 28,000 บาท แล้วเรื่องจะจบลงตรงนี้ ไม่ต้องถูกดำเนินคดีขึ้นศาล
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบอกว่าหากดำเนินคดีกับเยาวชนทั้ง 4 ราย ที่มีกัญชาไว้ในครอบครองคนที่มีอายุ 18 ปีจะต้องติดคุก2 ปี ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องติดคุกถึง 6 ปีด้วยกัน หากต้องเข้าไปในเรือนจำก็ต้องถูกคนที่อยู่ในเรือนจำอัดถั่วดำ ถ้าติดคุกออกมาก็จะไม่มีงานทำ ทำได้แค่ขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผู้ปกครองจึงทำการต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าให้ลดวงเงินประกันลงหน่อย ครั้งแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าให้นำเงินมาให้จำนวน 12,000 บาท ซึ่งผู้ปกครองก็สู้ไม่ไหว จึงบอกว่าขอให้ลดลงอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจบอกว่าให้นำเงินสดจำนวน 10,000 บาท ตนจึงตัดสินใจให้น้องสาวไปกู้เงินสดนอกระบบมาเป็นจำนวน 10,000 บาท นำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รออยู่ที่ป้อมหน้าตลาดสมภพ เมื่อนำเงินไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่าหลักฐานต่าง ๆ เช่น บ้องกัญชา จะนำไปทำลายที่ สภ.โพธิ์แก้ว และห้ามไม่ให้ผู้ปกครองทำการบันทึกหรือถ่ายภาพใด ๆ ที่เกิดขึ้นภายในป้อม หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายภาพเยาวชนทั้ง 4 รายเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะปล่อยตัวกลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่มายังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอดูภาพกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวดูภาพภายใน แต่ไม่ยินยอมให้บันทึกภาพ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าตลาดสมภพ ก่อนถึงป้อมตำรวจหน้าตลาดสมภพ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขี่รถจักรยานยนต์พาวัยรุ่นทั้ง 4 รายไปดำเนินคดีที่ป้อมตำรวจ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่สวนชุดดำให้เยาวชน 1 คนนั่งหน้า ตำรวจนั่งอยู่ตรงกลาง และเยาวชนอีกคนซ้อนท้าย ผ่านกล้องวงจรปิดไป
ด้านนายเอ และนางปลาแม่ของนายเอ เข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันที่ สภ.โพธิ์แก้ว เป็นหลักฐาน เพื่อนำเอกสารไปขอภาพกล้องวงจรปิด เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
โดยนายเอ เผยว่าตอนเกิดเหตุได้ยกมือวันทยหัตถ์ทักทายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการค้นตัวตนและเพื่อน จึงพบกัญชาและบ้องที่น้องโหน่งพกมาด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พาตนและเพื่อนทั้ง 4 คนไปที่ป้อมตำรวจหน้าตลาดสมภพ ก่อนที่จะบอกว่าให้ไปหาเงินมาประกันตัวคนละ 7,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 28,000 บาท แแลกกับการปล่อยตัว
ระหว่างอยู่ที่ป้อมตำรวจนายเอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตบหัว 1 ครั้ง พร้อมกับบอกว่า "มึงไปหาเงินมาให้ได้นะ" จากนั้นตนจึงได้ติดต่อไปหาแม่ เดินทางมาคุยกับเรื่องที่ตำรวจ มีการตกลงกันและยอมจ่ายเงินเป็นจำนวน 10,000 บาทให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พื่อแลกกับการปล่อยตัว
ล่าสุด พันตำรวจเอกกัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว เดินทางมาพบกับนางปลา ผู้ปกครองของนายเอ (นามสมมติ) ตำรวจยอมรับว่าลูกน้องเป็นฝ่ายผิด จะขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายจบเรื่องดังกล่าว โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคืนเงินจำนวน 10,000 บาทให้กับผู้ปกครองภายในวันนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้ ฝ่ายผู้ปกครองก็จะไม่ติดใจเอาความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกเงินประชาชน
นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง ให้ความเห็นทางกฎหมายว่า หลังจากที่ประเทศไทยมีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ครอบครองกัญชาไว้ก็ไม่เป็นความผิดทางกฎหมาย ยกเว้นกรณีอยู่อย่างเดียวคือเด็กครอบครองกัญชา ผู้ที่ให้กัญชาแก่เด็กอาจจะมีความผิดในเรื่องของ พ.ร.บ.เด็ก เพราะว่าไปทำให้เด็กเสริมพัฒนาการทางสมองได้ มีโทษอยู่สำหรับผู้ที่ให้กัญชากับเด็ก จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมเด็กแล้วบอกว่าเด็กมีกัญชาในครอบครองกัญชา บอกว่าเป็นความผิด ต้องบอกว่ากัญชาถูกปลดล็อกไปแล้ว ไม่เป็นยาเสพติด จะไปจับเขาไม่ได้ เพราะว่าไม่เป็นความผิด และมีการข่มขู่ไปเรียกเอาเงิน มีความผิดตามกำหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท
กรณีที่เป็นเจ้าพนักงานไปเรียกรับสินบนมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เพราะฉะนั้นก็อยากฝากเตือนคนที่เป็นเจ้าพนักงาน เวลาจะทำอะไรจะต้องตรวจสอบกฎหมายสักนิด ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่ากัญชาไม่เป็นความผิดแล้วไปทำตัวเป็นโจรในลักษณะดังกล่าว ต้องระวังว่าจะได้รับโทษตามกฎหมาย
