จากกรณี เพจสายไหมต้องรอด ได้โพสต์ใบบันทึกประจำวัน และข้อความระบุว่า "#เกาะสมุย_สุราษฏร์ธานี แอดคะ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.65 สามีหนูถูกจับยาบ้า 1 เม็ดค่ะ ตำรวจชุดจับกุม เจรจาต่อรองกับหนูเชิงขอมีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกกับการปล่อยตัวสามี แต่หนูไม่ยอม ตอนนั้นหนูกลัวมากค่ะ ได้แต่บอกว่าอย่าทำอะไรหนูเลยๆ สุดท้ายถูกเรียกเงิน 2,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวแฟนค่ะ หนูก็ยอมจ่ายไป แต่ยังไม่วายถูกตำรวจคนนี้ตามข่มขู่คุกคามตลอดจนถึงปัจจุบัน หนูกลัวจะไม่ปลอดภัย กลัวเขาจะมายัดยาอีก จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เกาะสมุย และขอความช่วยเหลือมายัง #เพจสายไหมต้องรอดค่ะ #ฝาก ท่าน ผบ.ตร และ ท่าน ผบช.ภ.8 ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยนะคะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 8"
วันที่ 24 ก.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ น.ส.สุวนันท์ อายุ 27 ปี เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 65 เวลาประมาณ 22.00 น. มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง มาซื้อปลากัดของนายชัยวัฒน์ สามี แต่อ้างว่าไม่มีเงิน จึงขอให้ยาบ้าไว้ 1 เม็ด และจะนำเงินมาให้ภายหลัง สามีตนเองรีบจึงรับไว้ก่อน หลังจากนั้นไม่นานตำรวจ 2 นาย จึงมาที่หน้าบ้านและล็อกตัวสามีตนเองอ้างว่ามียา
หลังจากนั้นตนเองก็ตามสามีไปเพื่อช่วยเหลือและตำรวจเรียกเงิน 50,000 บาท แต่ตนเองไม่มี ตำรวจจึงถามว่าแล้วจะเอาอย่างไรจะให้พี่พาแฟนไปดำเนินคดีเลยหรือไม่ ตนเองจึงบอกว่ามีเงินสดแค่ 2,000 บาท เท่านั้น ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้เลย แต่ตำรวจได้ประวิงเวลากว่า 3 ชั่วโมง และต่อรองให้จ่ายเงิน ตนเองร้องไห้ตลอดเวลา
มีตำรวจคนหนึ่งพาตนเองเข้าไปอยู่ในห้องที่ติดฟิล์มทึบอีกห้องหนึ่ง และมานั่งใกล้ตนเองพูดประมาณว่า “น้องมีอะไรคือมีค่าอีกไหม” ตนเองจึงตอบกลับไปว่าไม่มี มีแต่เงินสด 2,000 บาท และถังไอศครีม ตำรวจจึงถามอีกว่า “แล้วตัวน้องหละไม่มีค่าหรอ ไม่เอาตัวเข้าแลกหรอ” ขณะนั้นตนเองกลัว และสั่นมาก รู้สึกแปลก ๆ เพราะอยู่ในที่มืด แต่สุดท้ายตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาสามีตัวเองแต่รับเงินไป 2,000 บาท
หลังจากวันนั้นหากตนเองไปขายของ ตำรวจคนดังกล่าวก็มักจะเข้ามาไถ่ถามว่าจะเลิกยาหรือยัง ขณะที่ตนเองยังขายของอยู่ ทำให้ตนเองเสียหาย และมักจะวนเวียนอยู่แถวร้านเสมอ และเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 65 สามีตนเองพาลูกไปวิ่งเล่น ไปเจอตำรวจคนดังกล่าว จึงเข้าไปถามและมีปากเสียงกัน ตำรวจคนดังกล่าวจึงให้สามีตนเองไปตรวจปัสสาวะ ซึ่งสามีตัวเองก็ยินยอมทุกอย่างเพราะมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หลังเกิดเหตุการณ์วันดังกล่าว ยอมรับว่ากลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตนเองให้ต้องขายของอยู่ที่เกาะสมุยอีกเป็นเวลานานหากตำรวจคนดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ก็คงจะทำมาหากินลำบากอยากจะให้มีการตรวจสอบและลงโทษ
ทั้งนี้ทีมข่าวได้คลิปเสียงที่ผู้เสียหายส่งให้เป็นคลิปเสียงบันทึกเหตุการณ์สนทนาระหว่าง น.ส.สุวนันท์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยน.ส.สุวนันท์ ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ขณะที่ในคลิปเสียงตำรวจจะพูดเกี่ยวกับจะดำเนินคดีกับสามีตนเองและถามว่ามีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่
นอกจากนั้น ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิด บริเวณสะพานท่าเรือเกาะสมุยวันที่ 22 ก.ย. 65 เวลา 17:16 น. โดยนายตำรวจคนดังกล่าวได้นั่งอยู่ท้ายรถ ส่วนนายชัยวัฒน์และลูกได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปสอบถาม จนมีปากเสียงกันก่อนจะแยกย้ายจากกันไปซึ่งหลังจากนั้นมีรถกระบะคันหนึ่งขับมาหาตำรวจนายดังกล่าวด้วย
ด้านนายชัยวัฒน์ อายุ 36 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ คือมีเด็กชายคนหนึ่งขอซื้อปลากัดกับตัวเองราคา 800 บาท ซึ่งตนเองกำลังฉลองกับเพื่อนที่มาจากกรุงเทพ จึงรีบเดินทางมาเพื่อนำปลากัดให้กับเด็กคนดังกล่าว แต่เด็กคนดังกล่าวอ้างว่าไม่มีเงินจ่ายจะขอให้ยาบ้าไว้ก่อนจำนวนหนึ่งเม็ด ซึ่งตนเองตกใจและจะไม่รับแต่ด้วยความที่ตนเองกำลังเร่งรีบ และเห็นว่าเด็กมีอาการคล้ายคนติดยา กลัวคนอื่นเห็นแล้วจะเข้าใจผิดตนเองจึงรับยาเอาไว้ หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาล็อกตัว ซึ่งตนเองก็เล่าตามความจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นตำรวจจึงพาตนเองไปที่ป้อมตำรวจบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย ซึ่งมีภรรยา เดินทางตามไปภายหลัง เมื่อไปถึงตำรวจเจรจาขอเงินอยู่นาน ตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 10,000 บาท จนกระทั่งทราบว่าตัวเองมีเงินเพียง 2,000 บาทเท่านั้น ตนเองคิดว่าเรื่องจะจบ แต่ภรรยากลับถูกนำเข้าไปห้องมืดอีกห้อง ตนเองจึงเริ่มขัดขืนเพราะกลัวภรรยาจะได้รับอันตราย เพราะภรรยาร้องไห้ตลอดเวลา แล้วก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน วันดังกล่าวตำรวจยอมปล่อยตนเองไป ไม่ได้แจ้งข้อหาแต่อย่างใด แต่มาทราบภายหลังว่าภรรยาถูกพูดจาขอมีเพศสัมพันธ์ตัวเองรู้สึกโกรธมาก ซึ่งหลังจากนั้นตนเองก็รู้สึกว่าตำรวจคนดังกล่าวจะมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวบริเวณหน้าร้านเป็นประจำ ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับตนเองและภรรยา
ต่อมาวันที่ 21 ก.ย. 65 ตัวเองพาลูกไปเดินเล่นบริเวณสะพาน ก็พบกับนายตำรวจคนดังกล่าว จึงจะเข้าไปสอบถามว่าได้มีการพูดข่มขู่ให้ภรรยาตนเองไปมีอะไรด้วยหรือไม่ ตำรวจนายดังกล่าวกลับกล่าวหาว่าตนเองเสพยาเสพติดและจะขอตรวจปัสสาวะ ตนเองก็ยินดีให้ตรวจ เพราะตนเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยก่อนที่ตนเองจะเดินทางกลับตนเองมีการจับมือกับตำรวจนายดังกล่าวอยู่ โดยตำรวจคนนั้นมือสั่นมากคาดว่ากลัว ก่อนตัวเองจะเดินทางกลับตำรวจรายดังกล่าวยังพูดว่า “มึงรีบกลับไปเลยพวกกูไม่ใช่ธรรมดา” จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเพราะกลัวจะได้รับอันตราย ตนเองอยากจะให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ดำเนินการกับตำรวจที่ก่อเรื่องด้วย
