“ศุภชัย”ย้ำกัญชาคือผลงานพรรคไม่ใช่ความผิดไม่จำเป็นต้องโบ้ยให้ใคร

18 ส.ค. 65

“ศุภชัย”โต้สื่อดังปัด“อนุทิน”โบ้ยนโยบายกัญชาให้ปปส. ย้ำเป็นผลงานพรรคภูมิใจไทยไม่จำเป็นต้องโบ้ยให้ใคร

 

วันที่ 18 ส.ค. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาโพสต์กรณีที่สำนักข่าวช่องดังโปรโมตรายการด้วยคำว่า “อนุทิน” โบ้ย ปปส. ปลดล็อกกัญชา สร้างความสับสนให้สังคม โดยขึ้นอักษรทับโปสเตอร์ดังกล่าวว่า “ขอชี้แจง” พร้อมแนบ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. 2565 และข้อความระบุว่า “ภูมิใจไทย” ไม่ “โบ้ย” ใคร ล่าสุด มีสื่อมวลชนช่องใหญ่ จัดรายการขึ้นปกว่า “อนุทิน” โบ้ย ปปส. ปลดล็อกกัญชา

 

ซึ่งคำว่า “โบ้ย” นั้น แปลว่า โยนความผิด โยนความรับผิดชอบ ให้ผู้อื่น ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย กับนโยบายกัญชา ที่พรรคภูมิใจไทย ผลักดันมาจนถึงทุกวันนี้ “ไม่มีสิ่งไหนเป็นความผิด” ให้ต้อง “โบ้ย”

นี่คือ “ความสำเร็จ”ทางสื่อมวลชนช่องดัง ท่านได้เข้าร่วมงาน “Meet the Press : กัญชา-กัญชง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจ” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ วานนี้(17 สิงหาคม 2565) แล้วท่านตีความคำพูดบนเวทีของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ด้วยความสับสน แล้วไปนำเสนอ จนส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์แง่ลบ กล่าวหาว่าท่านไม่รับผิดชอบในการทำนโยบาย ทั้งที่ ท่านอนุทิน เพียงแต่เล่าที่มา ที่ไป ของเส้นทางการปลดล็อกกัญชา เพื่อใช้ทางการแพทย์ และเศรษฐกิจ โดยอ้างอิงตามเอกสารกฎหมาย

 

ซึ่งประกาศ เพื่อปลดล็อกกัญชานั้น คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. 2565 ระบุว่า

“อาศัยอำนาจตามมาตรา 29 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ …..”

เท่ากับว่าเรื่องของการปลดล็อกกัญชานั้น “ตามกฎหมาย” จะต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพ

ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ท่านอนุทิน พูดไว้บนเวทีวานนี้ “กรุณาอ่านให้จบ”

 

ท่านกล่าวว่า “ผมต้องขอทำความเข้าใจกับพี่น้องสื่อมวลชน ว่า กระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้เป็นผู้ปลดล็อกกัญชา ผู้ที่เห็นชอบและอนุมัตให้ปลดล็อกกัญชานั้น ใหญ่กว่ากระทรวงสาธารณสุข คือ คณะกรรมการ ปปส. ที่มี นายกฯ เป็นประธาน ในรัฐบาลปัจจุบัน ท่านนายกฯ มอบหมายให้ ท่านรองนายกฯ ศาสตราจารย์วิษณุ เครืองาม เป็นประธาน คณะกรรมการ ปปส. ในคณะกรรมการคือคณะกรรมการระดับประเทศ มีคำว่าแห่งชาติอยู่ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดนั้น ในนั้น มีรัฐมนตรีอยู่หลายกระทรวง มีอธิบดี ปลัด ผู้ทรวงคุณวุฒิ มีคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ หลายสถาบัน ประกอบอยู่ด้วย

 

เพราะฉะนั้น การปลดล็อกพืชกัญชง กัญชา ถ้าจะมองในแง่ดี นี่ไม่ได้เป็นการผลักดันโดยพรรคการเมือง ใช้ความเป็นการเมือง เอาเรื่องของการเมืองมาทำให้กฎหมายผ่าน เพราะพรรคการเมืองเมืองที่ผมเป็นหัวหน้าพรรคเป็นคนเสนอ ไม่ใช่เลย เรามีหน้าที่เสนอ ด้วยความเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์ แต่เราจะต้องไปทำให้คณะกรรมการเหล่านี้มีความเห็นว่า การใช้พืชกัญชา จะเป็นประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ มันถึงใช้เวลา 3 ปี ตั้งแต่ที่ได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน กว่าจะผลักดันมาถึงจุดนี้ได้”

 

จะเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในเอกสารประกาศของกระทรวงฯ และสิ่งที่ท่านพูดบนเวที ก็สอดคล้องกันทุกอย่าง

ท่านอนุทินเพียงแต่ถ่ายทอดซ้ำ ทำความเข้าใจเพิ่ม ก็เท่านั้น

แล้วท่านจะมา “โบ้ย” ใครได้อย่างไร ในเมื่อคณะกรรมการชุดนั้น ท่านก็นั่งอยู่ด้วย แล้วท่านก็เป็นคนบอกเองว่า ท่าน เป็นคนรวบรวมข้อมูล เสนอให้ กัญชาหลุดพ้นจากความเป็นยาเสพติด ท่านมีส่วนรับผิดชอบ ปรากฏในถ้อยคำที่ท่านสื่อสาร แล้วเอกสาร ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. 2565 ก็มีลายเซ็นของท่าน เป็นผู้ออกประกาศ

มันไม่ต้องไป “โบ้ยใคร” ทั้งนั้น   การสื่อสารของท่านนั้น มีจุดประสงค์ คือ

  1. ไล่เรียงเหตุการณ์ว่า กว่าจะปลดล็อกกัญชาสำเร็จ จะต้องผ่านคณะกรรมการ ปปส. ซึ่งมีความยุ่งยาก ลำบากพอสมควร แต่ก็เป็นไปตามกฎหมายกำหนด

 

  1. ขอให้มั่นใจว่านโยบายกัญชานั้น มีประโยชน์ เพราะผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ ปปส. ซึ่งมีสมาชิกมาจาก ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ระดับคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ และผู้ทรงคุณวุฒิ

เรื่องนี้ เป็นความเข้าใจผิดในการนำเสนอประเด็นสำคัญ ไปพร้อมกับการไม่เข้าใจข่าว สื่อชื่อดังโฆษณา ว่า “อนุทิน” โบ้ย ปปส.

ทั้งที่ ผู้ที่พิจารณาคือ คณะกรรมการ ปปส. ซึ่งมีสถานะเป็นคณะบุคคล ไม่ใช่ ปปส. ซึ่งมี สถานะเป็นองค์กร นี่คือ ความสับสนในการนำเสนอ

อย่างไรก็ตาม ผมเคารพในการทำหน้าที่ของสื่อ แต่ผมก็มีสิทธิ์ชี้แจง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีทางการเมือง

#เราพูดแล้วทำและไม่โบ้ยใคร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม