จากกรณีที่ยายพาหลานสาววัย 17-18 ปี ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ว่าหลานสวสถูกเพื่อนร่วมห้องเรียนชวนไปดื่มสุราที่บ้าน ก่อนที่จะถูกลากไปข่มขืนที่ลานมันแล้วนำตัวมาทิ้งไว้ที่ตู้น้ำมันข้างบ้านนั้น
วันที่ 12 ส.ค. 65 นายบีม (นามสมติ) อายุ 17 ปี เพื่อนที่ตั้งวงดื่มสุรา ในคืนเกิดเหตุ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วง 2 ทุ่มของคืนเกิดเหตุได้ตั้งวงดื่มเหล้ากับเพื่อนที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้าน จากนั้นเพื่อนชายชื่อกา ได้ทักแชต IG ไปหาน้องกั้ง ผู้เสียหาย ได้มาร่วมดื่มสุราที่บ้านของตน จากนั้นไม่นานน้องกั้ง ก็ได้เดินถือขวดเหล้ามาที่บ้าน และร่วมวงดื่มสุรากัน ดื่มไปได้ซักพักน้องกั้งมีอาการเมามาก และได้หกล้ม อ้วก นอนอยู่บ้าน มีอาการหนาวสั่น
ช่วงที่ดื่มกันอยู่ ตนได้เข้าไปอาบน้ำ เมื่อออกมาหน้าบ้านเห็นน้องกั้งนั่งหนาวอยู่จึง ได้เอาเสื้อกันหนาวให้น้องกั้งใส่ จากนั้นได้บอกให้น้องกั้งกลับบ้านแต่น้องกั้งบอกว่า "เมาขอนอนพักก่อน 5 ทุ่มมาปลุกด้วย ยังไม่อยากกลับบ้าน เพราะยังเมากลัวแม่ว่า" จากนั้นจึงปล่อยให้น้องกั้งนอนไปซัก จากนั้นจึงปลุกน้องกั้งให้กลับบ้าน จากนั้นเพื่อนชายทั้ง 2 ราย นายกาและนายออมจึงได้ขี่จักรยานยนต์พาน้องกั้งไปส่งที่หน้าบ้าน ซึ่งน้องกั้งบอกให้ส่งไว้ที่ตู้น้ำมันหยอดเหรียญข้างบ้าน เพราะยังไม่กล้าเข้าบ้าน จะนอนพักก่อน สร่างเมาแล้วถึงจะเข้าบ้าน เมื่อไปส่งแล้ว นายกาและนายออมจึงเดินทางกลับบ้าน ตนยืนยันว่าตนและเพื่อนไม่มีใครทำอนาจารน้องกั้ง
ด้านนายกา และนายออม ที่ถูกกล่าวหา เปิดใจว่า ได้ทักแชต IG ชวนน้องกั้งมาดื่มสุราที่บ้านนายบีม ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันเกิดเหตุ จากนั้น ช่วง 3 ทุ่มน้องกั้งได้เดินถือขวดเหล้าโซจู มาร่วมวงดื่มสุราด้วย เมื่อดื่มกันได้ซักน้องกั้งก็พูดขึ้นมาว่า "อย่าให้กูเมานะ ถ้าเมาแล้วกูจะไปทั่ว" ขณะนั้นฝนกำลังตก จากนั้นน้องกั้งก็ลุกจากเก้าอี้ แล้วล้มลงกลิ้งอยู่บนพื้นซึ่งตรงนั้นมีน้ำขังอยู่ ตนจึงจับน้องขึ้นมานั่งแล้วเอาน้ำลูบหน้า ส่วนนายบีมก็เอาเสื้อมาห่มให้น้องกั้ง ยืนยันว่าคืนเกิดเหตุนั้นไม่มีใครลากน้องกั้งไปข่มขืนที่ลานมัน เพราะน้องกั้งเมาอยู่บ้านตลอดเวลา
จากนั้น ได้ให้น้องกั้งนอนพักก่อนจะหลับไปได้บอกกับพวกตนว่า 5 ทุ่มให้ปลุกแล้วพาไปส่งที่บ้าน เมื่อถึงเวลาได้ขี่จักรยานยนต์พาน้องกั้งไปส่งที่บ้าน เมื่อถึงหน้าบ้าน น้องกั้งสั่งว่าให้ไปส่งที่ตู้น้ำมันข้างบ้าน นายกาจึงตอบไปว่า "ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อแม่มาเห็นเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา" จึงจะพาน้องกั้งไปนอนที่ศาลาหน้าบ้าน แต่น้องกั้งไม่ยอม จะขอนอนพักหน้าตู้น้ำมัน เมื่อตื่นแล้วจะเดินเข้าบ้านเอง
ซึ่งสภาพน้องที่เสื้อผ้าเปื้อนดินนั้นเพราะน้องมามากแล้วหกล้มไปนอนกลิ้งอยู่หน้าบ้านที่ตั้งวงดื่มสุรากัน ตรงนั้นเมื่อฝนตกจะเป็นดินโคลน ตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการใส่ร้ายกัน เพื่อจะแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเรียกเงิน ซึ่งมีคนภายในหมู่บ้านเคยถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์การที่เกิดขึ้นจริงกับสิ่งที่น้องกั้งพูดออกสื่อนั้นมันเหมือนหนังคนละม้วนกันเลย
ส่วนกรณีที่น้องกั้งอ้างว่าหลังเกิดเหตุเมื่อไปเจอกันที่โรงเรียนพวกตนได้ใช้สายตามองด้วยความเหยียดยามและข่มขู่นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะครูสั่งว่าถ้าน้องกั้งมาเรียนให้ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้องกั้งเมื่อเดินทางมาที่โรงเรียนก็เลือกที่จะไม่คุยกับเพื่อนมองว่าเขาทำตัวเขาเอง ไม่มีใครมองขู่ ไม่มีใครเดินเข้าไปขู่อะไรเลย นอกจากนี้ น้องกั้งยังมาใส่ความพวกตนว่าใส่ยาลงไปในเหล้าให้ดื่ม และหาว่าพวกตนเล่นยา ซึ่งพวกตนพร้อมที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสารเสพติด มองว่าคู่กรณีตั้งใจจ้องจะเอาผิด เพราะทั้ง 2 คนเป็นคนนอกหมู่บ้าน และยายกั้งได้พูดออกมาว่า ถ้าเป็นคนในบ้านแยงด้วยกันไม่เป็นอะไรหรอก และจ้องที่เอาผิดพวกตน
นายออม บอกว่า หลังจากที่ตนและนายกาไปส่งน้องกั้งที่หน้าบ้านได้ขี่จักรยานยนต์ออกมาหน้าหมู่บ้านเพื่อที่จะกลับบ้านแต่ปรากฏว่าแม่ของน้องกั้ง ได้ขี่จักรยานยนต์มาดักรอแล้วและเรียกให้ทั้ง 2 คนจอดรถ ก่อนที่จะเดินเข้ามาดึงกุญแจรถออกแล้วเข้ามาตบตีตน กับนายกา พร้อมกับพูดว่า "ใครทำลูกกู ใครไปส่งลูกกู" จากนั้นได้ลากทั้ง 2 คน ลงมาจากรถจักรยานยนต์ แล้วก็ถามว่าใครใส่ยาให้ลูกกูกิน ลูกกูเมาเละ ตนก็ไม่ได้ตอบโต้ จากนั้นแม่น้องกั้งก็ขี่จักรยานยนต์ไปแจ้งความทันที ตนแปลกใจว่าทำไมแม่น้องกั้งถึงได้ออกมาดักเจอพวกตนไวมาก และมองว่าเป็นการกระทำที่ทำกันเป็นขบวนการ เพื่อจะเรียกเงินจากพวกตนหรือเปล่า
นางกุ้ง ยายของกั้ง สาบานต่อหน้าผู้สื่อข่าวว่า "ทำยังงั้นจริง ๆ ขอให้ครอบครัวของตนนั้นฉิบหาย ครอบครัวของยายนั้นโดนกระทำจริง ๆ เห็นสภาพน้องแล้วหลักฐานอะไรก็มีทุกอย่าง ที่ไปไกล่เกลี่ยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ก็มาใส่ร้ายน้องตัวเองดีหมดแต่เอาขี้มาให้น้อง บอกว่าน้องเมาจนไม่ได้สติแล้วไปหาเค้าตอนดึก แต่มันไม่เป็นความจริงเลยเพราะว่าเรามีหลักฐานว่าเขาเป็นคนโทรให้น้องออกไป"
ส่วนที่อ้างว่ามีคนในหมู่บ้าน ถูกดำเนินคดีและเรียกเงินจำนวน 30,000 บาทนั้น เนื่องจากว่ามีคนแก่อายุ 60 ปี ภายในหมู่บ้านมาตามจีบหลานสาว เอาเงินมาให้หลานสาวที่บ้าน แล้วไปพูดให้หลานสาวเสียหายว่าไปแก้ผ้านอนที่บ้านของเขา เมื่อทราบเรื่องทางครอบครัวจึงดำเนินคดี โดยวันนี้ได้พาหลานสาวไปยัง สภ.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานที่กระพุงแก้มของหลานสาว เพื่อนำไปตรวจ DNA และได้มีการสอบปากคำพร้อมกับทำสำนวน ส่วนเสื้อที่หลานสาวใส่ในคืนก่อเหตุจะนำไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาล
