รวบ “บอย ยูนิตี้” นำเข้ารถหรูหนีภาษี พบลูกค้ามีทั้งนักการเมืองและดารา

5 ส.ค. 65

ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ป.รวบ “บอย ยูนิตี้” เจ้าพ่อนำเข้ารถหรู หนีภาษี ลูกค้ามีทั้งนักการเมือง ดารานักแสดง สอบประวัติพบต้องคดีถึง 14 หมายจับ



เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ส.ค.) กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ร่วมกันจับกุม นายอินทระศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 408/2565 ลงวันที่ 5 ก.ค.65 ได้บริเวณริมถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ในข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำความผิดตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” (หลบหนีไม่มาตามนัดศาล) ซึ่งคดีดังกล่าว ศาลฎีกาพิพากษา มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา

 

1659693177891

 

พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก นายอินทระศักดิ์ หรือ “บอย ยูนิตี้” นักธุรกิจมือหนึ่งของวงการนำเข้ารถหรู และเป็นเจ้าของกิจการเต็นท์รถชื่อดังย่านสุขุมวิทและรัชดา มีพฤติการณ์ลักลอบนำเข้ารถซูเปอร์คาร์และรถหรูที่มีราคาสูง ด้วยวิธีการหลบเลี่ยงการชำระภาษี สำแดงราคารถยนต์ให้ต่ำกว่าราคาตามท้องตลาด, แจ้งรุ่นรถยนต์ที่นำเข้ามาต่อเจ้าหน้าที่ ให้มีราคาต่ำกว่ารุ่นรถยนต์ที่แท้จริง, ลักลอบนำเข้ารถยนต์ในประเทศและนำมาขึ้นทะเบียนเป็นรถจดประกอบ จากนั้นผู้ต้องหาได้นำรถที่นำเข้ามาไปขายให้กับผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง และนักการเมือง ซึ่งต่อมาเมื่อผู้ซื้อนำรถไปขึ้นทะเบียน กลับไม่สามารถจดทะเบียนอย่างถูกต้องได้ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ กรณีที่หลบเลี่ยงภาษีอากรในการนำเข้า และภาคประชาชนที่ซื้อรถไปไม่สามารถนำรถไปขึ้นทะเบียนที่กรมการขนส่งอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้

 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เล็งเห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากขบวนการนำเข้ารถหรูโดยหลบเลี่ยงการชำระภาษี ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แล้ว ยังถือเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนที่หลงเชื่อซื้อรถหรูดังกล่าวไปอีกด้วย จึงได้สั่งการให้ ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.สสน.บก.ป. สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

 

1659693153682_1

 

จนต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจนพบตัวผู้ต้องหายืนอยู่บริเวณริมถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร จึงเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เเสดงหมายจับและทำการจับกุม นำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับในความผิดอื่น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร (เลี่ยงภาษีอากร), พ.ร.บ.เช็ค, ประมวลกฏหมายอาญา (ฉ้อโกง, บุกรุก, ลักทรัพย์) รวมจำนวน อีก 14 หมายจับ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส