วันที่ 22 มิ.ย. 65 เวลา 14.00 น. ที่กองปราบปราม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา น.ส.ญาดาภา ลักษณัย อายุจริง 81 ปี ผู้เสียหาย อดีตอาจารย์โรงเรียนชื่อดัง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดี
หลังถูก "หญิงไก่" อดีตผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง และคดีฉ้อโกงเมื่อหลายปีก่อน หลังพ้นโทษเมื่อปี 2564 ได้กลับมาใช้กลอุบายหลอกลวงเอาเงินสด อะพาร์ตเมนต์และที่ดินไปจำนอง รวมความเสียหายกว่า 15 ล้านบาทนั้น
น.ส.ญาดาภา กล่าวว่า ตัวเองรู้จักกับหญิงไก่ ตั้งแต่ปี 2559 ก่อนหญิงไก่จะติดคุกรอบแรก ขณะนั้นตนไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ในคดีเช็คเด้งจำนวน 9 ล้านบาท ขณะนั้นได้เจอกับหญิงไก่ อีกฝ่ายก็เข้ามาตีสนิทเพราะเห็นว่าตนมีเงิน ตนจึงบอกว่ามีอะพาร์ตเมนต์ จำนวน 40 ห้อง ต้องการขาย หากหญิงไก่ช่วยได้ จะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ อีกฝ่ายจึงเสนอตัวว่าจะขายให้
หลังจากนั้นตนได้บอกว่ามีที่ดินอีก 4 แปลง อยู่ต่างจังหวัด ทั้งหนองบัวลำภู และประจวบคีรีขันธ์ หญิงไก่บอกว่าจะขายให้ทั้งหมดในราคา 200 ล้านบาท ให้อดีตนายกฯ ดร.ทักษิณ เป็นคนซื้อ โดยขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งจำนวน 100 ล้านบาท ตนก็ตกลง มีการเขียนสัญญาซื้อขาย ระหว่างนั้นโฉนดที่ดินประจวบคีรีขันธ์หายจึงแจ้งทำใหม่ โดยมอบอำนาจให้หญิงไก่ไปรับโฉนด ทางหญิงไก่จึงนำโฉนดที่ดินไปขายที่ดิน 30 ไร่ ราคาประเมิน 6.5 ล้านบาท แต่หญิงไก่ขายแค่ 3.5 ล้านบาท
หลังจากนั้นได้หลอกขายอะพาร์ตเมนต์ของตน ได้เงินไป 5 ล้านบาท อ้างว่าขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายก่อนระหว่างรอขายที่ดินทั้งหมด แต่หญิงไก่เอาเงินไปคนเดียว นอกจากนี้ยังเอาพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 600,000 บาทไปขาย ทองคำ 30 บาท ทองแท่ง 5 แท่ง รวมความเสียหายทั้งหมด 14 ล้านบาท ซึ่งตนแจ้งความไว้ทั้งหมด โดยคดีฉ้อโกงที่นำอพพาร์ตเมนต์ไปขาย ศาลตัดสินตนได้ตึกคืนมาแล้
รอบที่ 2 เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 หลังหญิงไก่ออกจากคุก อีกฝ่ายนุ่งขาวห่มขาวมาหาตน อ้างว่าปฏิบัติธรรม กลับตัวเป็นคนดีแล้ว พร้อมขอเป็นลูกบุญธรรม จะเลี้ยงดูตนเพราะแก่แล้ว หญิงไก่อ้างว่าจะคืนเงินที่โกงไปรอบแรก ขอให้ตนนำเอกสารสำคัญไปฝากไว้กับตัวเอง เพราะจะช่วยดำเนินการเรื่องสำคัญให้ ทั้งยังอ้างว่าได้เช็คเงินสดจำนวน 50 ล้านยูโร เป็นเงินไทยประมาณ 2,000 ล้านบาท จากอดีตนายกฯ ดร.ทักษิณ แต่ยังเอาเงินออกมาไม่ได้ เพราะยังจดทะเบียนสมรสกับสามี ต้องหย่าก่อน ไม่เช่นนั้นเงินที่ได้มาจะต้องถูกแบ่งให้สามีด้วย แต่ตอนนั้นไม่มีเงินเลย จึงเริ่มหลอกขอเงินจากตน
โดยรอบนี้ถูกหลอกเงินไป 15 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสด 3.6 ล้านบาท นำอะพาร์ตเมนต์ของตนไปจำนองเป็นเงิน 5.4 ล้านบาท และนำที่ดิน จ.สมุทรสงคราม ไปจำนอง นอกจากนี้ยังให้กู้เงินสหกรณ์และยืมเงินจากเพื่อนมาอีก 400,000 บาท ตนก็หลงเชื่อเพราะไม่เฉลียวใจ และอีกฝ่ายอ้างว่าจะขายอะพาร์ตเมนต์เป็นเงิน 350 ล้านบาท แต่ต้องหาเงินไปใช้ก่อน ตนจึงหลงเชื่อทั้งหมดว่าจะได้เงินจริง
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า เมื่อวานนี้ น.ส.ญาดาภา มาร้องที่เพจสายไหมต้องรอดว่าถูกหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเคยมีคดีเกี่ยวกับฉ้อโกง หลอกเอาทรัพย์สินทั้งเงินและที่ดินไปขาย จึงมาร้องกองปราบ โดยหญิงรายนี้หลังออกจากเรือนจำได้นุ่งขาวห่มขาวมาหา น.ส.ญาดาดา อ้างว่ากลับตัวกลับใจ และระหว่างอยู่ในเรือนจำได้เช็คเงินสดจำนวน 50 ล้านยูโร คือเป็นเงินไทย 2,000 ล้านบาท ซึ่งเช็คสามารถเบิกได้เลย แต่ยังไม่เบิกเพราะต้องหย่ากับสามี โดยขอให้น.ส.ญาดาดาช่วย และเริ่มหลอกเอาเงินไป รวมถึงที่ดินอะพาร์ตเมนต์ อ้างว่ามีผู้ใหญ่จะมาซื้ออะพาร์ตเมนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ก่อนหน้านี้ได้ไปร้องที่กรรมาธิการวุฒิสภาแล้ว และได้ให้กองปราบมาสอบสวนคลี่คลายคดี เพราะความเสียหายเกิดขึ้นหลายพื้นที่
ด้านหญิงไก่ นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ นางศรัญญา อุปปาสันติ ได้เข้าปรึกษานายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง เปิดใจเกี่ยวกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นว่า วันนี้มาร้องเรียนทนายโป้งเกี่ยวกับข่าวที่ออกมา เพราะไม่เป็นความจริง โดยตนไม่ขอพูดถึงรอบแรกเพราะคดีจบกันไปแล้ว และตนก็ฟ้องกลับข้อหาฟ้องเท็จ
ตนอยากถาม น.ส.ญาดาภา ว่ารอบนี้กลับมาหาตนทำไม เพราะตนไม่ได้เข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยการใส่ชุดขาวห่มขาวตามที่อีกฝ่ายอ้าง แต่ น.ส.ญาดาภา มาหาตนเอง บอกอยากมาขอเป็นแม่ลูก ไม่มีตนอยู่ลำบากมาก ตนไม่เคยไปขออีกฝ่ายเป็นลูกบุญธรรมตามที่มีข่าว คิดว่า น.ส.ญาดาภาคงกลัวที่ตนฟ้องคดีกลับ จึงอยากมาขอไกล่เกลี่ยด้วย
หญิงไก่กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยหลอกเงินหรือทรัพย์สินรวมเกือบ 30 ล้านบาทตามที่มีข่าว ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นอะพาร์ตเมนต์ หรือที่ดินของ น.ส.ญาดาภาเลย ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ด้วยซ้ำ หลักฐานต่าง ๆ น.ส.ญาดาภาก็มักจะปลอมแปลงเอกสารขึ้นมา ทั้งนี้ อยากให้สื่อน่าจะตรวจสอบประวัติอีกฝ่ายบ้างว่าฟ้องร้องคนอื่นมากี่คดีแล้ว คดีไหนที่ตัวเองแพ้ก็ร้องเรียนผู้พิพากษาจนชนะ โดยที่ผ่านมาตนได้ฟ้องคดีบุกรุก และคดีอื่นรวม 3-4 คดีไปแล้ว หลังจากนี้จะส่งหลักฐานให้ทนายโป้ง และเตรียมฟ้องคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง กล่าวว่า หลังหญิงไก่เข้ามาปรึกษา ตนรู้สึกเห็นใจ มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สิ่งที่ปรากฏในสื่อเป็นความเท็จ ดูหลักฐานแล้วพอฟังได้ ลักษณะถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย จากนี้ขอรวบรวมหลักฐาน 1-2 วัน เพื่อพูดคุยสรุปและจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ทั้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, ให้ข้อมูลเป็นเท็จ หมิ่นประมาท และแจ้งความเท็จต่อไป
ด้านอดีตเหยื่อของหญิงไก่ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2558 ตนกับครอบครัวถูกหญิงไก่ใส่ร้ายว่ามีการลักขโมย ทำให้ตอนนั้นในวัย 18 ปี ตนต้องเข้าไปอยู่ในสถานพินิจนาน 3 เดือน จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากทนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ และสื่อมวลชน นำความจริงมาเปิดเผย ทำให้หญิงได่ได้รับโทษตามที่ทราบกัน โดยปัจจุบันอัยการได้ยกฟ้องตน เนื่องจากไม่มีความผิดในข้อหาลักทรัพย์แล้ว
ส่วนกรณีของคุณยายญาดาภาล่าสุด ตนเคยเจอเมื่อหลายปีก่อน ตนพอจะทราบข้อมูลคร่าว ๆ ว่าในช่วงนั้นคุณยายท่านนี้เป็นแม่ลูกบุญธรรมกับหญิงไก่ แต่ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ ตนไม่เคยพูดคุยอะไรกับคุณยายด้วย อีกทั้งในช่วงที่ตนถูกคุมตัว คุณยายท่านนี้ก็ยังได้ให้การว่าตนเป็นคนลักทรัพย์หญิงไก่ แต่สุดท้ายได้มีการกลับคำให้การ ส่วนรายละเอียดที่คุณยายถูกฉ้อโกงเงิน ตนไม่ทราบเลย
สำหรับตนเเล้ว หลังจากที่หญิงไก่ได้ออกมาจากเรือนจำ ตนเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไร เพราะคิดว่าหญิงไก่ได่รับโทษที่เหมาะสมแล้ว และการที่ได้ออกมาก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตเช่นกัน หากหญิงไก่มีการกลับไปทำแบบเดิมอีก ฉ้อโกงประชาชนอีก ก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ผู้เสียหายก็ต้องไปแจ้งความ ส่วนตัวไม่มีความคิดเห็นใด ๆ กับเรื่องนี้และไม่มีอะไรอยากจะพูดถึงหญิงไก่อีกด้วย ตอนนี้ชีวิตของตนและครอบครัวกำลังเริ่มใหม่ กำลังไปได้ดี ตนเรียนจบแล้ว กำลังจะทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่และน้องต่อไป
