ภายหลังจากจบรายการโหนกระแส ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงกรณีขอยุติบทบาทการทำหน้าที่เป็นทนายให้กับคุณแม่ของแตงโม จากเหตุผล 3 ข้อ ได้แก่
1. มีความเห็นทางคดีไม่ตรงกัน เนื่องจากทนายเดชายังเห็นตรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากพยานหลักฐานที่มีว่าไปไม่ถึงเรื่องการฆาตกรรม ขณะที่แม่ของแตงโมช่วงหลังปักใจเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม และเชื่อ ส.ส.เต้ นายอัจฉริยะ และบังแจ็ค
2. การที่แม่ส่งโทรศัพท์ของแตงโมไปให้บังแจ็คที่อเมริกา และยังบอกว่าโทรศัพท์อยู่กับทนายเดชา เป็นเหตุผลให้ถอนตัวจากทนายในคดี เนื่องจากในโทรศัพท์มีรูปส่วนตัวของแตงโม ที่ส่งผลกระทบกับบุคคลที่ 3 คนที่เกี่ยวข้องในภาพ หรือการที่บังแจ็คอาจแบล็กเมลได้ในภายหลัง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ภาพในโทรศัพท์มือถือของน้องแตงโมมีเป็นล้านรูป และมีภาพบุคคลที่ 3 กว่า 30 รูป มีแนวโน้มที่บุคคลที่ 3 จะถูกแบล็กเมลจากบังแจ็คค่อนข้างสูง
3. การที่แม่ต้องการฟ้องทนายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ภายหลังจากที่ทนายตั้มโพสต์ความเห็นถึงกรณีแม่ส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็ค ซึ่งทนายเดชาไม่ทำตาม เพราะเป็นเพื่อนกับทนายตั้มและเพิ่งดีกันไม่นาน
ทนายเดชา บอกว่า แม่ของน้องแตงโมไม่ได้ปลดตนออก แต่ตนเป็นคนขอถอนตัวเอง เนื่องจากความไม่สบายใจ ยืนยันว่าไม่มีการแตกหักกับแม่ พอบอกแม่ว่าขอถอนตัวคดี แม่ก็บอกว่าเข้าใจ โดยหน้าที่ทนายในคดีแตงโมยังไม่สิ้นสุด จะทำหน้าที่ไปจนถึงขั้นอัยการส่งผู้ต้องหาฟ้องศาล หน้าที่จึงจะสิ้นสุด ส่วนทนายใหม่ของแม่หลังจากนี้ หากคุณแม่อยากจะให้ตนเข้าไปช่วยก็ยินดี แล้วแต่คุณแม่ เพราะตนทำคดีมามีข้อมูลอยู่จำนวนมาก ยอมรับว่าเป็นห่วงคุณแม่อาจถูกหลอก หากหมดโปรโมชันกระแสแตงโม เหมือนที่แม่เคยพูดตอนที่จะมี ส.ส.ท่านหนึ่งตั้งศาลให้แตงโมว่าพอหมดโปรโมชัน หมดกระแส ศาลนั้นก็ไม่มีใครสนใจ ถ้าตนว่าง ๆ ก็จะรับแม่ไปกินข้าว ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนกันได้
ทั้งนี้ ทนายเดชา พูดถึงโทรศัพท์มือถือของแตงโมที่แม่นำไปส่งให้กับบังแจ็ค เพื่อทำการกู้คืนข้อมูล เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตนต้องขอถอนตัวออกจากการเป็นทนาย เพราะข้อมูลในโทรศัพท์มือถือนั้นสำคัญมาก และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของแตงโม และบุคคลที่ 3 เท่าที่ตนทราบ มีภาพอยู่ 1.2 ล้านภาพ และมีภาพที่เป็นภาพอันตรายถึง 30 ภาพ หนึ่งในนั้นมีภาพนักธุรกิจมีชื่อเสียงอยู่ มีโอกาสที่จะถูกแบล็กเมลสูงมาก ซึ่งโทรศัพท์มือถือไปอยู่กับมือของผู้ต้องหาห้ามเข้าประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก หากมีการนำไปแบล็กเมล ไม่ใช่แค่บังแจ็คที่จะถูกดำเนินคดี แม่อาจถูกดำเนินคดีด้วย ในฐานนำข้อมูลให้บังแจ็ค
ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ทนายเดชา ยกมือขึ้นพนมแล้วกล่าวว่า วันนี้ขออนุญาตกราบลาพระมารดา ที่ผ่านมาอะไรที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ ทนายเดชาก็ขอกราบพระมารดา ขอให้พระมารดาได้ที่ปรึกษาใหม่ที่เป็นคนรักพระมารดา ระวังนะครับคุณแม่ คุณแม่เป็นคนบอกผมเอง หมดโปรฯ แล้วก็ทิ้งแตงโมไว้ที่ท่าน้ำ
ตอนนักการเมืองคนหนึ่งจะสร้างศาลคุณแม่บอกไม่ต้อง วันนี้มีนักการเมือง ส.ส. หรือใครต่อใครมาช่วยคุณแม่ ขอให้คุณแม่ระวัง หากหมดโปรฯ ผู้สื่อข่าวไม่สนใจแล้ว เขาจะอยู่กับคุณแม่หรือไม่ คุณแม่ต้องให้เขาทำบันทึกข้อตกลง และขอให้พระมารดาจงเจริญ จุ๊กกรู้ จุ๊กกรู้ หมดเวรหมดกรรมแล้วโว้ย
ทนายกฤษณะ กล่าวถึงกรณี ทนายเดชา ประกาศถอนตัว โดยคุณเเม่จะให้ทีมกฎหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์เข้ามาดูเเลเเทน ในเรื่องดังกล่าวตนเพิ่งทราบจากนักข่าว ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายมงคลกิตติ์ เเละยังไม่ได้พูดคุยกับคุณเเม่ถึงเรื่องนี้ด้วย ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกสงสัยว่าทนายเดชาถอนตัวด้วยเหตุผลใด เเต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทนายเดชา เเต่หากถามว่าตนจะกลับมาเป็นทนายความให้คุณเเม่อีกหรือไม่ ขอปรึกษานายมงคลกิตติ์ก่อน เพราะทีมกฎหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์ มีทนายความไม่ต่ำกว่า 4-5 คน ไม่ทราบว่านายมงคลกิตติ์จะให้ทนายความคนใดทำคดี
ทั้งนี้ ในเรื่องความสัมพันธ์กับคุณแม่ ถึงแม้จะเคยปลดตนออกจากการเป็นทนาย แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองกัน ในงานฌาปณกิจแตงโม คุณแม่ก็ยังส่งการ์ดเชิญให้ตนไปร่วมงาน วันนั้นตนก็เดินทางไปร่วมในฐานะแขก ด้เจอกับคุณเเม่ภายในงาน คุณแม่ก็ได้ทักทายกันตามปกติ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยหรือปรึกษาใด ๆ กันเลย ส่วนทนายเดชาก็มีการทักทายกันตามปกติ ยืนยันว่ายังเคารพทนายเดชาเหมือนเดิม
ทีมข่าววีดีโอคอลพูดคุยกับ นายราชา ไฮเดอร์ หรือ บังแจ็ค เปิดเผยว่า ตนเองยืนยันว่าทนายเดชาไม่ใช่การถอนตัว แต่คือการปลดจากการเป็นทนาย เพราะตนเองได้คุยกับแม่แล้ว เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ทั้งคู่ไปไม่รอด โดยเฉพาะเรื่องผลของคดี ที่ทนายเดชาไปคนละทางกับแม่ ทนายมองว่าคดีเป็นอุบัติเหตุ ทนายดูเชื่อตำรวจไปทั้งหมด
ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่การถอนตัว เพราะหากดูคำสัมภาษณ์ทนายเดชาเมื่อวานนี้ ระบุว่าไม่ถอนตัวยังรักแม่อยู่ ตนเองอยากถามว่าแล้วมาวันนี้ ความรักที่มีให้แม่มันหายไปไหนแล้ว
สำหรับไทม์ไลน์ ทนายความของแม่แตงโม ตั้งแต่เริ่มคดี 7 มี.ค. 65 - 18 มี.ค. 65 มีทนายความคือ นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย รวมเวลายาวนานถึง 12 วัน ก่อนมีทนายเดชา กิตติวิทยานันท์รับหน้าที่ต่อ ตั้งแต่ 11 มี.ค. - 26 พ.ค. 65 รวมเวลา 77 วัน หลังจากนี้ทีกฎหมายพรรคไทยศรีไลย์รับหน้าที่ ร่วมกับนายอัจฉรยะ เรืองรัตนพงศ์
