กรณีนายสาทิชกุมาร (Mr.Satishkumar) อายุ 45 ปี นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย พร้อมเพื่อนอีก 3 คน เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อภิเชษฐ เมธีธรรมภรณ์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี อ้างว่าถูกคนร้ายปลดสร้อยทองคำ มูลค่ากว่า 3 หมื่นบาท ที่บริเวณหน้าโรงแรม ดาวา แอนด์ อานดี ถนนพระตำหนัก ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ล่าสุดวันที่ 22 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่เกิดเหตุพบว่าอยู่บริเวณหน้าร้านขายของชำและร้านนวดสปา ทีมข่าวยังได้พบกับ Mr.Satishkumar อายุ 45 ปี นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย และเป็นผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเพิ่งจะเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในขณะกำลังเดินออกจากโรงแรมเพื่อที่จะไปเที่ยวในซอย Walking Street ห่างจากโรงแรมที่พักเพียง 50 เมตร ตอนนั้นเดินกับเพื่อน 3 คน ตนอยู่ด้านหลังสุด จู่ ๆ ก็มีชาวไทยขี่รถจักรยานยนต์ แล้วก็วิ่งข้ามมาหาตน เป็นผู้หญิงเข้ามาประกบด้านหน้าเพื่อไม่ให้ตนเดินไปต่อ ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงตนจำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของผู้ชาย จึงเข้าใจว่าเป็นสาวประเภทสอง ทั้งคู่นำมือมาลูบไล้ที่บริเวณหัวไหล่ต้นและบริเวณคอ แล้วก็พูดว่า You Come with us ตนก็ say no
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกลับไปยังรถจักรยานยนต์ก่อนขี่รถออกไป ตนจึงเดินตามเพื่อนไป ตอนแรกยังไม่รู้ว่าสร้อยคอทองคำขาดหายไป แต่มารู้ตัวอีกทีก็เดินได้ไปประมาณ 100-200 เมตร จึงรีบบอกเพื่อนและแจ้งกับไกด์เพื่อให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตนมั่นใจว่าเป็น 2 คนดังกล่าว นำทองของตนไปอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนลองสอบถามชาวอินเดียที่มาอยู่เมืองไทยนานแล้ว เขาก็บอกว่าบริเวณนี้มักจะเจอเหตุการณ์นักท่องเที่ยวถูกปลดทองบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจและตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ จริง ๆ แล้วตนชื่นชอบประเทศไทยมาก แต่หากไม่ปลอดภัยแบบนี้ ตนก็ไม่กล้าจะกลับมาท่องเที่ยวซ้ำอีก ตนขอฝากให้เจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแลเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครอีก และอยากให้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่ ที่สำคัญตนก็อยากได้ทรัพย์สินของมีค่าคืน เพราะตนจะเดินทางกลับในวันอาทิตย์นี้แล้ว (24 เม.ย.65)
ทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นางบุษบา ประสมรัตน์ ชาวบ้านละแวกดังกล่าว และเจ้าของร้านนวดแผนไทย เล่าให้ฟังว่า บริเวณนี้มักจะเกิดเหตุสาวประเภทสองขี่รถจักรยานยนต์มาวนดูชาวต่างชาติ แล้วเข้าไปพูดคุยแตะเนื้อต้องตัว จากนั้นก็ปลดของมีค่าหรือล้วงกระเป๋าของชาวต่างชาติ ได้เงินสดและของมีค่าแล้วขี่รถจักรยานหลบหนีไป เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำ ๆ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิค-19
แต่เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.65) ตนไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ก่อนจะเกิดเหตุตนจำได้ว่าเห็นสาวประเภทสอง จำนวน 2 คน ผมยาว รูปร่างหน้าตาคล้ายผู้หญิงมาก ๆ ขี่รถจักรยานยนต์สีขาว จะมาช่วงเวลาประมาณ 20.00 น พอเห็นชาวต่างชาติเดินมาคนเดียวหรือเดินมากัน 2 คนก็จะจอดรถ อีกคนหนึ่งยังอยู่บนรถจักรยานยนต์ ส่วนอีกคนจะลงมาพูดคุยกับชาวต่างชาติ มีการแตะเนื้อต้องตัว บางครั้งก็ปลดทอง บางครั้งก็นำมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นก็รีบขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขี่หลบหนีไป ชาวต่างชาติบางคนกว่าจะรู้ตัวก็เดินไปท่องเที่ยวจนเสร็จแล้ว ทั้งนี้ ตนจะนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายหลายครั้งแล้ว แต่สาวประเภทสองเห็นพอดีตนจึงกลัว แล้วก็ไม่กล้าถ่ายรูปถ่ายคลิปเอาไว้
