สนธิลากไส้ "ปริญญ์" ขืนใจเหยื่อ ลั่นเป็นผมฆ่าทิ้งแน่ ชี้อภิสิทธิ์รู้เบื้องลึกปมร้าว “กรณ์” ลาออก (คลิป)

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “Sondhitalk Express” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และและแอปพลิเคชัน Sondhi App ในหัวข้อเรื่อง “ไฟกาม ลามพรรค วิญญูชนจอมปลอม” เปิดเบื้องลึกคดีฉาว ผู้บริหารพรรคการเมืองหื่นกาม แฉข้อมูลลับจากวงใน ที่ไม่มีใครกล้าเปิดเผยมาก่อน

ช่วงหนึ่ง "สนธิ" ระบุว่า คุณปริญญ์ เป็นคนที่โพรไฟล์ดีมาก เป็นกรรมการเยอะแยะไปหมด เป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 59-62 เป็นกรรมการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ปี 58-62 เป็นที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมฯ คณะกรรมาธิการวิสามัญการศึกษาผลกระทบ CPTPP คุณปริญญ์ ทำงานทางการเมือง นอกจากเป็นลูกชายของ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่ผมเรียนว่าเคยเป็นผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก 4 ปี (2545-2548) เคยเป็นเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (กันยายน 2548 - สิงหาคม 2556)

ในทางการเมือง ดร.ศุภชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีดูแลเศรษฐกิจหลายสมัย เป็นอดีต ส.ส. หลายสมัยเช่นกัน ในบางช่วงที่การเมืองถึงทางตันแล้วมีการสรรหานายกฯ คนกลาง ก็ปรากฏมีชื่อ ดร.ศุภชัย ตลอดเวลา ส่วนปริญญ์ พานิชภักดิ์ ก็อาศัยพึ่งบารมีพ่อ โดยในการเลือกตั้งปี 2562 ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่ปรึกษาของรองนายกฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาฯ

ในช่วงนั้นชื่อของ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ก็คือหนึ่งในสามแคนดิเดตว่าที่ผู้นำพรรคคนใหม่ คือเป็นคนรุ่นใหม่ที่ถูกวางตัวไว้ว่าจะต้องเป็นผู้นำพรรคในอนาคต เขาวางตัวไว้ทั้งหมด 3 คน ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ซึ่งเป็นลูกชายของคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ ที่จบฮาร์วาร์ด แล้วเป็น ส.ส. ทางใต้ ซึ่งเสียชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว และคุณไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ หลานชายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งสามคนนี้ถูกวางตัวเอาไว้ แต่ไอติม คงจะเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ในยุคคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นหัวหน้าพรรค ก็เลยขอลาออก ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป

ส่วนฟูอาดี้ พิศสุวรรณ บุตรชายของสุรินทร์ พิศสุวรรณ เมื่อโตขึ้นมาแล้ว ก็มีความคิดทางการเมืองไม่เหมือนกับความคิดของสีฟ้า แต่เอนเอียงไปทางสีแดงมากกว่า ก็เหลือแค่ปริญญ์ พานิชภักดิ์ เท่านั้นเองที่เป็นแคนดิเดต อีกคนที่เขาจะเริ่มวางตัวเพิ่มเติมก็คือ ดร.สุชัชวีร์ หรือ ดร.เอ้ ที่ตอนนี้เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เพื่อเป็นการเสริมบารมีว่า ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน 27 มิถุนายน 2562 หลังการเลือกตั้งใหญ่ได้ไม่นาน พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดทีม Avenger ทางเศรษฐกิจ เอาตัวละครในการ์ตูน Marvel ออกมาเลย ก็คือคุณปริญญ์ และทีมงาน ท่าทางก็เหมือนกับพวก Avengers เพียงแต่ว่าชุด Avenger ที่ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ใส่นั้นมีแต่เสื้อ และถอดกางเกง

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ อวยยศให้ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ประเทศทันสมัยทางเศรษฐกิจในอนาคต ปริญญ์ เป็นคนที่พูดเก่ง จะดึงทีมโน้นทีมนี้่เข้ามา จะผลักดันให้ราคาเกษตรสูงขึ้น เติมเต็มในส่วนต่างๆ เพิ่มรายได้ให้ชาวบ้าน สังคมดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องช่วยกันสร้าง ทีมเศรษฐกิจวันนั้นก็เป็นทีมที่ทุกคนฮือฮาว่า ท่าทางจะไปได้ดีนะ มีคุณอรรถ เหมวิจิตรพันธ์ รองประธาน บริษัท เชลล์ กูรูด้านพลังงาน Green Economy เป็นเบอร์หนึ่งของคนไทยในบริษัท เชลล์ รศ.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน นางฮอลลี่ อัมระนันทน์ นักรณรงค์การป้องกันรักษาโรคมะเร็งเต้านม คุณสุริยพงศ์ ทับทิมแท้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจแบ่งปัน ที่เขาเรียกว่า Sharing Economy คุณชาลี นาควัชระ ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์นวัตกรรมชาวบ้าน คุณสัญชัย ปอปลี ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน (Blockchain) น.ส.ปิยะดา ปุณณกิตติเกษม ผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์ทางการตลาดและโซเชียลมีเดีย คุณปรมินทร์ อินโสม เป็นนักเขียน โค้ช Blockchain สมศักดิ์ บุญคำ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิสาหกิจเพื่อสังคม ท่องเที่ยวชุมชน เป็นสตาร์ตอัปด้านการท่องเที่ยว

จากนั้น ในวันที่ 26 พฤศจิภายน 2562 ประมาณเกือบสองปีที่แล้ว คุณจุรินทร์ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเพศวิถี รักไร้รุนแรง (Love with non violence) หนึ่งในผู้ร่วมงาน คือ คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ และได้ขึ้นไปกล่าวในงานนี้ พูดอย่างที่ฟังแล้วซาบซึ้งเหลือเกินว่า คุณปริญญ์ เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อสตรี

คน ๆ นี้โปรไฟล์สุดยอด เพอร์เฟกต์ อายุแค่ 45 ปี อนาคตทางการเมืองน่าจะไปได้ไกล ความรู้ทางวิชาการเพียบ และที่สำคัญที่สุด มีแบ็กที่ดี มีพ่อที่เคยยิ่งใหญ่มาก่อน และมีบารมี แล้วก็เป็นตัววางอันดับหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ อายุเพียง 45 ปี ได้ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเกร็ดของการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ก็คือจุดเริ่มต้นของการแตกแยกในพรรคประชาธิปัตย์ การผลักดัน ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรคโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากคนที่รู้เรื่องปริญญ์ พานิชภักดิ์ ดี ไม่ว่าจะเป็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นนักเรียนอังกฤษด้วยกัน อันเป็นผลทำให้ กรณ์ จาติกวณิช ซึ่ง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ไม่ต้องการให้มีบทบาทใดๆ ทั้งสิ้นในฐานะรองหัวหน้าพรรค ต้องลาออกไป และนี่คือเบื้องหลังที่แท้จริงของการลาออกของ คุณกรณ์ จาติกวณิช

ผมขอพูดเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่ง ชีวิตผมเกลียดผู้ชายที่ทำเรื่อง 2 เรื่อง โคตรเกลียดเลย เรื่องแรก ผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิง ประเภทมีเมียแล้วพูดจาไม่เข้าหู เอาแต่อารมณ์ตัวเอง ตบผู้หญิง ทำร้ายผู้หญิง เตะผู้หญิง ผมรับไม่ได้จริง ๆ อีกเรื่องคือเรื่องการข่มขืน ล้วงควัก ล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิง ที่ผู้หญิงไม่เต็มใจ ท่านผู้ชมครับ ผมรับไม่ได้ มันโคตรเหี้- จนหาอะไรมาเทียบไม่ได้เลยคนบัดซบพวกนี้

ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า คดีอนาจารมีหลายกรณีผ่านมาเนิ่นนาน และไม่มีหลักฐาน เท่าที่ดูมีโอกาสจะเป็นไปได้ที่มีพยานหลักฐานและสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ คือกรณีของหญิงสาวอายุ 18 ปี ที่ออกมาเปิดโปงคนแรก และทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาก็จะต่อสู้ว่าฝ่ายหญิงสมยอม ก็จบ ถือว่าไม่มีความผิด

ส่วนรายอื่น ๆ เท่าที่ทราบมาจากแหล่งข่าวในทางลับนั้นไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย เมื่อพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ก็แจ้งข้อหาไม่ได้ ส่วนที่เมื่อวานนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่ม ตำรวจก็ต้องไปหาหลักฐานเพิ่ม และต้องดูประกอบกันว่าหากบางคดีที่เกิดก่อนปี 62 จะเป็นความผิดยอมความได้ หลังปี 62 ยอมความได้เฉพาะคู่สมรส หากตกลงกันได้ส่วนใหญ่จะจบ และส่วนใหญ่ไม่มีหลักฐาน ซึ่งพยานบุคคล ตัวผู้ถูกกระทำถือเป็นพยาน แต่ไม่แน่นหนาพอ พยานหลักฐานอื่น ๆ ไม่มีแล้ว ส่วนใหญ่ตำรวจสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งมีโอกาสที่ผู้ถูกกล่าวหาจะฟ้องกลับผู้กล่าวหาดำเนินคดี ข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่น ถูกจำคุก 5 ปี หากออกรายการโทรทัศน์จำคุกเพิ่ม 2 ปี

การไปตรวจค้นของตำรวจที่คอนโดฯ ที่เกิดเหตุนั้น ทราบว่าตอนแรกจะให้ผู้เสียหายเข้าไปด้วย แต่สุดท้ายไม่ให้เข้า ประกอบกับทนายผู้ถูกกล่าวหาไปยื่นเงื่อนไขว่าสามารถเข้าได้เพียงตำรวจเท่านั้น การที่ไม่ให้ผู้เสียหายเข้าก็ถูกต้องแล้ว ซึ่งหมายศาล จะระบุชื่ออยู่แล้วว่าใครเข้าได้บ้าง ทนายผู้ถูกกล่าวหา และนิติบุคคลเข้าได้ เป็นไปตามกฎหมาย ใครเรียนกฎหมายมาจะทราบ ไม่มีทางที่ทนายความผู้ต้องหาและตำรวจจะไปทำลายหลักฐานในห้อง เพราะไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่แล้ว อย่าไปฟังกระแสอะไรมาก

ส่วนการชี้จุดเกิดเหตุจะชี้ที่รูปหรือหากไปที่เกิดเหตุต้องถามเจ้าของห้อง การชี้จุดการทำแผนไม่มีในกฎหมาย ตำรวจทำกันเอง หากจะชี้ก็ชี้รูป ในกรณีที่เจ้าของไม่ให้เข้า ก็เข้าไม่ได้ อยากฝากถึงประชาชนว่ากระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ต้องรอให้กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นก่อน อย่าเพิ่งพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิด