“อ๋อม สกาวใจ” ฟ้องหมิ่นประมาทเกรียนคีย์บอร์ด เรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท!

12 เม.ย. 65

วันที่ (11 เม.ย.) เวลาประมาณ 10.00 น. นักแสดงสาว “อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์” ได้เดินทางมาที่ศาลอาญามีนบุรีพร้อมด้วยทนายความ เพื่อทำการยื่นฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดที่ได้ทำการหมิ่นประมาททางสื่อออนไลน์ โดยเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท 

 

อ๋อม สกาวใจ

โดยอ๋อม สกาวใจ ได้เผยว่า 

อ๋อม : ยังไม่เคยเจอคู่กรณีเลยค่ะ แต่ก็มีติดต่อมาโทร.มาเขาก็ขอโทษอะไรแบบนี้ แต่ว่าไม่ได้คุยอะไร ก็บอกพอดีเรื่องมันส่งไปแล้ว ซึ่งวันนี้มีหนึ่งราย แต่ว่าที่โทร.มาก็หลายราย

 

 

บอกไม่ใจอ่อน เพราะถึงขั้นขู่ฆ่าตน และจะทำร้ายครอบครัวด้วย
อ๋อม : คือรายนี้ในข้อความเขาขู่ฆ่าเรา จะทำร้ายครอบครัวเรา รายนี้เป็นผู้หญิง ส่วนคนที่ด่าว่าเราเป็นโสเภณี คนนั้นเป็นผู้ชาย คนนั้นก็ฟ้องด้วย ถามว่าถ้าเจอหน้าจะคุยอะไรไหม ก็ไม่ได้คุยค่ะ ให้เป็นตามขั้นตอนเลย ไม่รู้จะคุยอะไร ที่ผ่านมาเขาก็ขอโทษ บอกว่าผิดไปแล้ว แต่เราก็ไม่รู้จะคุยอะไร ก็แค่ฟังเขาเฉยๆ ตอนนี้ก็ต้องคุยกับพี่ทนายแล้วกันนะคะ

 

 

เขาพูดถึงเรื่องเงิน ไม่อยากให้ฟ้องเป็นเงิน เขาก็อ้างว่าเขาไม่ได้ร่ำรวยประมาณนี้ เราก็ไม่รู้นะแค่ฟังเฉยๆ ก็ไม่ได้อยากจะคุยด้วย ถามว่าจะใจอ่อนไหม ไม่ค่ะ บอกไปแล้วว่าทำผิดก็ต้องรับผิด เราให้โอกาสเขาหลายครั้งแล้ว หมายความว่า เมื่อครั้งแรกที่เขาว่าเรา เราก็เฉยๆ แต่ว่าหลายครั้งไง พอหลายครั้งก็เริ่มเยอะขึ้นๆ ก็ไม่ไหวแล้ว ก็เลยคุยกับพี่ทนาย สำหรับคนนี้ก็ 2 ล้านบาท จะประนีประนอมลดได้ไหม อันนี้ต้องรอพี่ทนายว่ายังไง รอดูเขาก่อนด้วย

 

 

อ๋อม : สู้ค่ะ จะได้เป็นกรณีตัวอย่างนะคะ เวลาจะพูดว่าใครมันก็ไม่ควร มันอยู่ในพื้นที่ของเราด้วย แล้วอันนี้มันเป็นเรื่องของครอบครัวด้วย มาว่าครอบครัวเรา แล้วก็มาขู่ฆ่าเรา เรารู้สึกว่ามันจะอยู่ในโลกโซเชียลไปตลอด เราก็เสียหายค่ะ

 

 

อ๋อม :หลังจากที่มีข่าวว่าจะฟ้องคนก็ด่าน้อยลง แต่ก็ยังมีอยู่ มีแบบที่ลบโพสต์ไปเลยก็มี แต่เราแคปทันค่ะ เพราะพอมีแฟนคลับส่งมาให้เรา เราก็แคปๆ แล้วก็ส่งให้พี่ทนายเลย

อ๋อม สกาวใจ

เผยถึงขั้นต้องจ้างบอดี้การ์ดมาคอยประกบลูกด้วย
อ๋อม : อยากบอกอะไรคู่กรณีเหรอ ไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ ก็แค่ว่าก่อนที่จะทำอะไรหรือพูดว่าใครคิดก่อน เพราะว่ามันเป็นผลเสียต่อตัวเองด้วย มันเป็นหลักฐานไปแล้ว ในทุกกรณีนะ ไม่ว่าจะว่าอ๋อมหรือคนอื่นๆ สำหรับคนที่ชอบโลกโซเชียล มันสนุกมือหรือคิดจะว่าคนที่คุณไม่ชอบก็ได้แหละ แต่ว่าเวลาจะเขียนหรือพิมพ์อะไรมันเป็นหลักฐานมันไม่คุ้มเสียค่ะ

 

 

การที่เขามาข่มขู่จะฆ่าเรา เราก็กลัวว่าเขาจะทำจริงๆ เพราะเขาพูดถึงลูกเราด้วย พูดถึงสามีเรา มันก็ไม่ใช่แล้วนะ มันก็ทำให้เราไม่ว่าจะไปไหนเราก็กังวล ต้องคอยระมัดระวัง มันเป็นความกังวลของครอบครัว กลัวจะไม่ปลอดภัย เพราะเราก็ไม่รู้ว่าคนสมัยนี้เขาคิดอะไร เราก็กลัว แต่ถามว่าเคยมีคนแปลกๆ มาตามไหม ก็ยังค่ะ เพราะเวลาไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ไปคนเดียวอยู่แล้ว เราก็ให้เขาคอยดูแลเรา ต้องให้คนคอยตามดูลูกด้วย มีคนคอยดูแลตลอด มันก็เลยกลายเป็นเสียกับเรา เพราะเราจะเสียสุขภาพจิต ไปไหนมาไหนเราก็ต้องระวังตัว

 

 

ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าสามีเราค้ายาเนี่ย (หัวเราะ) เขาก็งงนะ มันไม่ได้เป็นความจริงอยู่แล้ว ถ้าค้ายาคงโดนจับไปแล้วล่ะ (หัวเราะ) แต่อันนี้มันเป็นเรื่องราวที่อยู่ในโซเชียล แล้วเวลาใครเสิร์จหรือลูกเราโตขึ้นมา คือในอนาคตมันก็จะเจอข้อความเหล่านี้ มันก็จะกลายเป็นว่าทำให้เราเสียชื่อเสียง มันก็กระทบทางด้านจิตใจแหละ เรื่องความกังวล มันมีคนที่คิดกับเราขนาดนี้ ก็เป็นผลกระทบในเรื่องความรู้สึกเรา

 

 

บอกจะเรียกมากกว่า 2 ล้านด้วย
ทนาย : วันนี้ที่เราจำเป็นต้องมายื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม และยื่นให้ฝ่ายจำเลยเขาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากมันมีข้อจำกัดของกฎหมายนิดนึงว่าในกรณีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ถ้าจำเลยรับสารภาพ ศาลจะมีคำพิพากษาในวันนี้เลย การที่เราไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้เขาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ก็ต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่

 

 

ดังนั้นแล้วทางคุณอ๋อมจึงจำเป็นต้องยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันนี้ เพราะไม่เช่นนั้นถ้าจำเลยรับสารภาพแล้ว ศาลพิพากษาวันนี้ คุณอ๋อมต้องไปฟ้องเป็นคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งต่างหากในการที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ดังนั้นแล้วจึงมีความจำเป็นต้องมาขอเป็นโจทก์ร่วม และขอให้ทางฝ่ายจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนครับ

 

 

ส่วนถ้าเขามีการต่อรองขอลดหย่อน อันนั้นอยู่ที่คุณอ๋อมครับ ทางทนายไม่มีอำนาจตัดสินใจนอกจากตัวลูกความคือทางคุณอ๋อมให้ความยินยอม ว่าการที่เราเรียกร้องไปเท่านั้นแล้วเขาจะต่อรองมาเท่าไหร่ ก็สุดแล้วแต่คุณอ๋อม

 

อ๋อม สกาวใจ

อ๋อม : ยืนยันเหมือนเดิมว่าจะไม่ลด ก็ไม่ได้ตั้งใจจะลดอยู่แล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าคงต้องเพิ่ม คือเขามาพูดว่าเราในพื้นที่ของเรา ว่าครอบครัวเรา ทำให้เราเสียหาย ลูกเราด้วย มันก็มีขั้นตอนหลายๆ อย่างที่เรารู้สึกว่าเราหวาดกลัว และต้องระมัดระวังตัวทั้งลูกเราและสามีเรา อย่างลูกเราเวลาไปโรงเรียนเราก็ต้องจ้างคนเพิ่มเพื่อไปส่งโรงเรียน มีบอดี้การ์ดเพิ่ม ตัวเราด้วย มันก็มีค่าใช้จ่ายเยอะแยะค่ะ

 

 

จริงๆ ต้องมากกว่านี้ด้วย (หัวเราะ) เพราะมันเป็นชื่อเสียงน่ะค่ะ แล้วที่เราพูดไปก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับตัวเขา ในการโพสต์ของเราพูดถึงเรื่องดีๆ อยากให้มันเกิดเรื่องดีๆ ขึ้นในประเทศนี้ แต่เขามาว่าในส่วนตัวเรา แต่จริงๆ ตั้งใจอยากจะไปเจอเขานะ

 

แต่เผอิญเขาอยู่ในห้องขัง แค่อยากเจอหน้า ไม่ได้อยากพูดอะไร เพราะเขาโทร.มาบ่อยมากเลย เราก็บล็อกไปหลายเบอร์แล้ว แต่ก็ยังโทร.มาอีก เมื่อ 2 วันก็เพิ่งโทร.มา คือไม่อยากเห็นน้ำตาแล้ว เพราะตอนที่เขาว่าเราเขาก็ไม่ได้สลดหดหู่อะไรนี่คะ เขาก็ด่าเราเสียๆ หายๆ ว่าลูกเรา สามีเรา ครอบครัวเรา เราก็เจ็บมาเยอะ ให้โอกาสไปแล้วแต่ก็ยังทำซ้ำๆ

 

 

ก่อนหน้านี้เขาพยายามจะประนีประนอม เขาก็พยายามโทร.มา รู้สึกจะโทร.ไปหาพี่ทนายด้วย แต่พี่ทนายไม่ได้คุยมั้งคะ แต่พอศาลรับคำร้องแล้ว ก็โล่งค่ะ เพราะคนผิดก็ต้องได้รับผลกรรม ผิดมันก็ต้องว่าไปตามนั้น

 

ขอบคุณที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส