เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 65 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแยง รับแจ้งว่าบริเวณชายป่าริมคลอง ภายในสวนผลไม้บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านเข็กใหญ่ ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก พบศพคุณยายวัย 73 ปี ต่อมาทราบชื่อ นางวิน อู่นาค ชาวบ้านเลขที่ 123/1 หมู่ 1 บ้านแยง ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งรับจ้างดูแลสวนผลไม้แห่งนี้มานานร่วม 20 ปี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแยง ได้ตรวจสอบสภาพศพพบว่านอนหงาย ถูกปกคลุมด้วยกิ่งไม้และใบกล้วย บริเวณกลางหน้าผาก ดวงตาด้านซ้าย ปากและกราม มีบาดแผลฉกรรจ์ คล้ายโดนทุบด้วยของแข็งไม่มีคม คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต และพบกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียชีวิตตกอยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่พบเงินอยู่ภายใน
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง สภ.บ้านแยง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่เขตรับผิดชอบ ทราบว่าหลังพบศพเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายชลวิทย์ อยู่เจริญ อายุ 46 ปี ชาวต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก คนงานที่เจ้าของสวนจ้างมาตัดหญ้าในสวนผลไม้ เข้ามาสอบปากคำ เนื่องจากเมื่อวานนี้ (4 เมษายน 65) นอกจากผู้เสียชีวิตก็มีเพียงแค่นายชล ที่เข้ามาทำงานภายในสวนที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนปากคำ นายชลวิทย์ ให้การรับสารภาพอ้างว่า ตนเป็นคนลงมือก่อเหตุในครั้งนี้จริง เนื่องจากช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ของวานนี้ (4 เมษายน 65) ตนเพิ่งจะตัดหญ้าเสร็จ ก็เลยเดินไปหานางวินซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถ ATV ใกล้กับบ้านพัก เพื่อทวงเงินค่าแรงตัดหญ้า แต่กลับถูกนางวินด่าทอ บอกว่ายังไม่จ่ายเพราะงานไม่เรียบร้อย และลงจากรถถมน้ำลายใส่หน้าตน
แต่ด้วยความโมโห ตนจึงหยิบท่อนไม้ลำไยที่อยู่ใกล้ ๆ ฟาดไปที่บริเวณใบหน้าและบริเวณลำคอ จำนวน 3 ครั้ง จนนางวินล้มลงและเสียชีวิตทันที แล้วด้วยความกลัวว่าจะมีคนมาเห็น จึงลากศพไปซ่อนไว้ที่ท้ายสวนริมคลองน้ำ ห่างจากบ้านพักประมาณ 100 เมตร แล้วถอดเสื้อแขนยาวลายพรางของตัวเองใช้คลุมศพไว้และใช้ใบไม้ใบตองปิดบังอำพรางศพไว้อีกชั้นหนึ่ง
จากนั้นก็เดินไปหยิบเอาเงินภายในกระเป๋าสตางค์ที่มีลักษณะเป็นถุงย่ามของผู้ตาย จำนวน 4,000 บาท และโทรศัพท์อีก 2 เครื่องที่รถ ATV ไป ก่อนจะเข็นรถ ATV ไปจอดคว่ำไว้ที่บริเวณริมคลองห่างจากบ้านพัก 200 เมตร เพื่อจัดฉากว่าผู้ตายประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำแล้วเสียชีวิตเอง ก่อนจะเดินทางกลับบ้านด้วยรถจักรยานยนต์
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายชลวิทย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และในเวลา 18.30 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกุมตัวนายชลวิทย์ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและคุมตัวกลับมายังโรงพัก ทีมข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวบอกว่าเงินค่าจ้างที่ตนจะต้องได้รับจากผู้ตายคือ 3,950 บาท ซึ่งเป็นค่าจ้างทำงาน 2 วันครึ่ง แต่พอตนไปทวงเงินผู้ตายก็ด่ากลับมาว่า “จะมาทวงอะไรนักหนา ไอเหี้- กลัวจะไม่ได้เหรอ” จากนั้นผู้ตายก็ถุยน้ำลายใส่หน้าตน ก็เลยโมโห จึงใช้ก้านต้นลำไยฟาดผู้ตายจนเสียชีวิต
