โยงวุ่น ลากศพลัลลาเบลเทียบคนยืนหัวเรือปอ หมอเฉลยเมาขั้นไหนโดนลากได้ (คลิป)

คืบหน้าคดีแตงโม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการอนุมัติขอหมายจับเพิ่มคนบนเรือ คือแซน ในข้อหา กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม นายปอและนายโรเบิร์ต ในข้อหาทำลายหลักฐาน ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน

ส่วนกรณีทีผู้ใช้ทวิตเตอร์ ได้มีการลงข้อความพร้อมกับภาพนิ่งตั้งข้อสังเกตว่า “คลิปที่คนขึ้นไปยืนบนหัวเรือ ต้องขึ้นไปยืนบนจุด สูงสุดของเรือใช่มั้ย เพราะคนหน้ากับคนหลังความ สูงมันต่างระดับกันเยอะมาก แล้วพาไปยืนตรงนั้น กันทำไม อันตรายมาก #แตงโมต้องไม่ตายฟรี “ นั้น

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของแม่ของแตงโม เปิดเผยว่า ตนเองจะไม่แสดงความคิดเห็นเพื่อที่จะเป็นการสนับสนุนข่าวเฟกนิวส์ให้กลายเป็นเรื่องจริง เพราะอย่าลืมว่าในคดีนี้มีโซเชียลและคนที่สร้างข่าวเฟกนิวส์จำนวนมาก เพราะถ้าหากไปยืนยันว่าใช่หรือไม่ใช่ จะกลายเป็นสนับสนุนให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับข้อมูลผิดในโลกออนไลน์

จากภาพที่เห็นถ้าหากอ้างว่ามีผู้ชายลักษณะยืนอยู่หัวเรือกับผู้หญิงที่เข้าใจว่าเป็นแตงโม ตนเองก็อยากจะย้อนถามกลับไปว่ามีหลักฐานหรือข้อมูลอะไรชี้ชัด หรือเห็นอะไรที่ชัดเจนยืนยันว่าสิ่งที่เห็นคือแตงโม เพราะภาพเป็นเพียงแค่แสงและเงา เหมือนคนที่อยู่หัวเรือเท่านั้น แล้วถ้าหากจะเอาไปเทียบกับคดีของลัลลาเบลได้ ก็ต้องมีคนชี้ชัดหรือยืนยันให้รู้ก่อนว่าผู้ชายที่ยืนอยู่คือใคร และผู้หญิงที่เข้าใจว่าเป็นเงาที่ยืนอยู่หัวเรือด้วยคือใคร หากยืนยันได้ว่าเป็นแตงโมจึงจะค่อยมาเทียบเคียงหรือพูดถึงประเด็นนี้ภายหลัง

ส่วนกรณีที่ ส.ส.เต้ และทนายกฤษณะ อดีตทนายของแม่ ยังมูฟออนจากเรื่องนี้ไม่ได้ และพยายามหาเบาะแสเพิ่มเติม รวมทั้งมีการนำคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นบทสนทนาบนรถไปทำการตรวจสอบนั้น ตนเองก็อยากจะฝากเตือนกลุ่มคนเหล่านี้ ว่าให้ทำทุกอย่างอยู่ภายใต้ของความเป็นจริง มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งสามารถที่จะใช้ในการยืนยันทางสำนวนคดีได้ ไม่ใช่เป็นการตั้งข้อสังเกตแบบผิวเผิน เพราะอย่าลืมว่าที่ผ่านมาก็มีบทเรียนมาแล้ว และตนเองยังทราบจากแม่ของแตงโมที่โทรมารายงานให้ทราบเมื่อช่วงเช้า ว่าได้มีการโทรไปเตือนสติทนายกฤษณะ ในฐานะที่เคยร่วมงานกัน อยากจะให้รถในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นที่จะทำให้แม่เสียหาย ซึ่งการโทรไปก็ไม่ใช่เป็นการข่มขู่หรือเบรก แต่เป็นเพราะความเป็นห่วง เนื่องจากยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ส่วนเรื่องของการเรียกเงิน 35,000 บาทคืน ตอนนี้แม่ยังไม่ได้มีแนวคิดที่จะเอาเงินคืน แต่ก็พูดเป็นนัยยะสำคัญว่าหากยังคงทำให้แม่เสียหายหรือเป็นการออกมาพูดที่กระทบต่อตัวแม่ ก็อาจจะมีการขอเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนภายหลัง

ขณะที่เรื่องของประเด็นคลิปเสียง ตนเองขอยืนยันว่า ได้รับการติดต่อจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งแจ้งว่ากล้องหน้ารถของนางสาวแตงโมมีการบันทึกจริง มีคลิปหน้ารถจริง แต่ไม่มีเสียง เพราะมีการปิดโหมดเสียงเอาไว้ ดังนั้นจึงมีเพียงแค่ภาพที่มีการขับรถผ่านเท่านั้น และแม้ว่าคลิปเสียงดังกล่าวจะมีหรือไม่มีอยู่จริง ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนวนคดี เนื่องจากการให้ปากคำของโบ ทีเค ถือว่าเป็นพยานปากสำคัญ และเป็นการให้ปากคำที่ชัดเจนที่สุด เนื่องจากอยู่ในรถร่วมกับกระติก จึงรู้ว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง ฉะนั้นในเมื่อมีโบอยู่แล้ว คลิปเสียงก็ไม่จำเป็น

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่าคดีแตงโมอาจจะมีความคล้ายคลึงกับคดีลัลลาเบล ที่เหยื่อมีการถูกทำร้ายหรือวางยา ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นไปได้อยาก เพราะถ้าแตงโมถูกทำร้าย ร่างกายก็จะต้องมีร่องรอยการถูกทำร้ายที่ศีรษะและลำคอ ซึ่งจากการผลชันสูตรทั้ง 2 ครั้ง ก็เป็นที่ยืนยันแล้วว่าแตงโมไม่ถูกทำร้าย ส่วนในเรื่องการวางยานั้น จะต้องรอผลตรวจจากการชันสูตรครั้งที่ 2 และรอการแถลงอย่างเป็นทางการ

สำหรับคดีแตงโมและลัลลาเบล มีความแตกต่างกันอย่างหนึ่งคือในร่างของลัลลาเบล ตรวจพบแอลกอฮอได้มากถึง 418 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ลัลลาเบลเมาจนหมดสติ จนต้องมีคนพยุงช่วย แต่ในกรณีของแตงโมนั้น ตรวจเจอแอลกอฮอล์เพียง 93 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นเท่านั้น ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์แค่นี้ แตงโมจะยังคงมีสติช่วยเหลือตัวเองได้ คงไม่ถึงขั้นที่จะต้องให้ใครมาพยุงช่วย
สุดท้ายภาพดังกล่าวไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะสรุปการตั้งข้อสังเกตได้