รักแท้มีอยู่จริง ภรรยาเสียชีวิตลูกหลานกำลังทำศพ สามีตรอมใจตายตามไปอีก ต้องนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลคู่กัน ก่อนนำร่างเผาพร้อมกันจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต
ที่ศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้านดอนชัย ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพสามีภรรยาที่เสียชีวิตตามกันไป โดยเสียชีวิตห่างกันเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น คือศพของนางสาวศรีผ่อง โยทานัน อายุ 65 ปี และนายทอง คำมี อายุ 63 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่รักกันมากและอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปี โดยทางฝ่ายภรรยาได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ต่อมาขณะที่ญาติกำลังจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของนางสาวศรีผ่อง วันที่ 29 มีนาคม นายทองผู้เป็นสามีก็ได้ตรอมใจและเสียชีวิตตายตามภรรยาไปอีกคนในวันที่ 29 มี.ค. ทางญาติต้องนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลไว้บนปราสาทไม้แบบล้านนาคู่กัน พร้อมกับทำบ้านไม้หลังเล็ก ด้านในมีข้าวของเครื่องใช้ให้ผู้ตายทั้งสองได้นำไปใช้ในภายภาคหน้าตามความเชื่อของชาวล้านนา
จากนั้นช่วงบ่ายวันนี้ (31 มี.ค.) ทางญาติพี่น้องและชาวบ้านที่มาร่วมงานนับร้อยคนได้ช่วยเหลือลากจูงเคลื่อยย้ายปราสาทศพแบบล้านนาของผู้เสียชีวิตทั้งสองมายังสุสานบ้านดอนชัยเพื่อทำพิธีพิธีฌาปนกิจ มีการตั้งปราสาทศพของผู้ตายอยู่ติดกันในการทำพิธีทางศาสนา จากนั้นได้นำร่างของนางสาวศรีผ่องเผาบนเตาเชิงตะกอน ส่วนร่างของนายทองได้เผาอยู่ด้านล่างเชิงตะกอนโดยมีการจุดไฟเผาพร้อมกันทั้ง 2 ศพ โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านมาร่วมพิธีส่งศพกันเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาลัย
นางสาวพงศ์ผกา คำเงิน อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนได้เล่าให้ฟังว่า น.ส.ศรีผ่อง ได้ป่วยติดเตียงมากว่า 3 ปีแล้ว ส่วนนายทองป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตกแต่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเพิ่งจะมาป่วยเป็นมะเร็งได้ไม่นานแล้วก็มาเสียชีวิตตามกันไป หลังจากที่ภรรยาเสียชีวิต นายทองก็เริ่มตรอมใจ ไม่กินข้าวไม่กินน้ำอีกทั้งยังมางานศพของภรรยาไม่ได้เพราะป่วยติดเตียง สำหรับพ่อและแม่นั้นแต่งงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมากว่า 50 กว่าปีและรักกันมาก มีลูก 2 คนแต่ลูกชายคนโตเสียชีวิตไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ส่วนการเสียชีวิตในครั้งนี้ลูกหลานก็เชื่อว่าคงเป็นพราะทั้งคู่ทำบุญร่วมชาติมา ได้อยู่ด้วยกันและไปพร้อมกัน ซึ่งร่างทรงก็ยังบอกอีกว่าทั้งคู่นั้นหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตอีกฝ่ายก็จะเสียชีวิตตามไปพร้อมกันไม่เกิน 3 วัน
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อของชาวล้านนาจะถือเคล็ดที่ว่าหากศพไหนตายก่อนจะต้องเคลื่อนศพไปเผาทีหลัง หากศพไหนตายทีหลังก็จะเคลื่อนศพให้เขาก่อน ชาวบ้านจึงได้เคลื่อนศพสามีนำหน้าศพของภรรยาแล้วลากจูงตามกันไป จากนั้นก็ได้มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาวางผ้าบังสุกุลก่อนที่จะประชุมเพลิงเผาศพสองสามีภรรยาพร้อมกัน
