กลืนเม็ดกระท้อนเสี่ยงตาย! แพทย์เผยเรื่องจริง ปลายเม็ดคมบาดลำไส้ทะลุ ติดเชื้อในเลือด (คลิป)

13 มิ.ย. 60
วันที่ 12 มิถุนายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย มีผู้เสียชีวิตจากการกลืนเม็ดกระท้อน ทราบชื่อคือ นางบังเอิญ เพชรตุ่น อายุ 68 ปี โดยก่อนหน้านั้นญาติได้ช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล  แพทย์ต้องรีบผ่าตัดเอาเมล็ดกระท้อนออกมาได้ 4 เม็ด เนื่องจากพบว่าลำไส้ทะลุพร้อมมีอุจจาระปะปนในช่องท้อง ทำให้ติดเชื้อทางกระแสโลหิตอย่างรุนแรง ซึ่งนางบังเอิญได้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ภายหลังจากผ่าตัดได้ 4 วัน
ภาพงานศพนางบังเอิญ ผู้เสียชีวิต
นางสมจิตร เพชรตุ่น ลูกสาวนางบังเอิญ เล่าว่า แม่เป็นคนชอบกินกระท้อนมาก และมักจะกินเมล็ดด้วย โดยบอกว่ามันอร่อย ซึ่งตนและญาติพี่น้องก็เคยกิน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเหตุรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้  หลังจากนี้จึงได้เตือนคนครอบครัวและเพื่อนบ้านให้เห็นถึงอันตราย
นพ.พรชัย สินคณารักษ์ แพทย์เจ้าของไข้นางบังเอิญ
ด้าน นพ.พรชัย สินคณารักษ์ แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า นางบังเอิญมีอาการปวดท้องด้านซ้ายอย่างรุนแรง เมื่อสอบถามทราบว่ากินเมล็ดกระท้อน จึงมั่นใจว่าเกิดจากเมล็ดกระท้อนที่มีปลายแหลมเข้าไปขูดลำไส้จนเป็นแผลทะลุ และติดเชื้อทางกระแสโลหิต ซึ่งคนไข้กรณีเช่นนี้ทุกปี ปีละ 2-3 ราย บางรายให้การช่วยเหลือและผ่าตัดทัน จนสามารถกลับบ้านได้ แต่ก็ต้องกลับมาผ่าตัดซ้ำเพื่อนำลำไส้กลับเข้าไป หลังจากต้องถ่ายหนักทางหน้าท้อง นพ.พรชัย บอกอีกว่า ขณะนี้ที่โรงพยาบาลศรีสังวร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ยังมีคนไข้อีกรายที่มาด้วยอาการเดียวกัน มีประวัติกลืนเมล็ดกระท้อน ซึ่งได้ผ่าตัดไปก่อนนางบังเอิญ ตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วง ต้องรักษาตัวในห้องไอซียู
ผศ.นพ. ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ รพ.ธรรมศาสตร์ และศัลยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร
ขณะที่ ผศ.นพ. ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และศัลยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร เปิดเผยว่า การเผลอหรือตั้งใจกลืนเมล็ดกระท้อนเข้าไปนั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ เนื่องจากเมล็ดกระท้อนมีลักษณะลื่น แข็ง และปลายข้างหนึ่งคม เมื่อกลืนเข้าไปปลายด้านที่แหลมอาจไปขูดผนังกระเพาะอาหาร และลำใส้เล็กให้เกิดบาดแผลได้ แต่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนที่เก็บอุจจาระก่อนขับออกจากร่างกายนั้นมีผนังบางกว่านั้น ปลายแหลมจึงอาจทำให้ผนังฉีกขาดได้ ทำให้อุจจาระซึ่งเป็นของเสียรั่วไหลไปอยู่ในช่องท้อง จึงเกิดการติดเชื้อ รุนแรงถึงขั้นอาจทำให้เสียชีวิตได้
เมล็ดกระท้อนปลายด้านที่แหลม
นอกจากนี้ ลักษณะของเมล็ดที่มีความลื่น อาจเสี่ยงต่อการสำลักแล้วเข้าไปอุดบริเวณหลอดลม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน ผศ.นพ. ฉัตรชัย บอกอีกว่า กรณีบางรายอาจโชคดีที่กลืนเมล็ดเข้าไปแล้วอาจไม่เป็นอันตราย โดยถูกขับออกมาพร้อมอุจจาระได้ เนื่องจากว่าปลายด้านที่แหลมของเมล็ดนั้นฝังอยู่กับกากอาหารชนิดอื่น ๆ ที่กินเข้าไป ส่วนในคนสูงวัยจะมีอัตราเสียงมากกว่า เพราะผนังลำไส้มีอัตรการบีบตัวช้ากว่า ทำให้เมล็ดอยู่ในท้องนานขึ้น อีกทั้งอาการอื่น ๆ จะแสดงออกมาช้ากว่าคนปกติด้วย ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการกลืนเมล็ดผลไม้ที่มีขนาดใหญ่และย่อยสลายไม่ได้ ซึ่งหากเผลอกลืนเข้าไปให้สังเกตอาการเบื้องต้น หากสำลักให้รีบพบแพทย์โดยด่วน ส่วนหากกลืนเข้าไปในกระเพาะอาหารแล้ว ต้องสังเกตว่ามีอาการปวดท้องหรือไม่ หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ เพื่อรักษาได้ทั้นท่วงที

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ