กรณีเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ย่านลาดกระบัง ทำให้สามารถกวาดทรัพย์สิน ของมีค่า และเงินสดหลบหนีไปได้กว่า 2 ล้านบาท โดยพบว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุภายในคืนเดียว จำนวน 5 หลังรวด จึงได้สร้างความหวาดระแวงให้กับลูกบ้านหลังอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
ล่าสุดวันที่ 23 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่หมู่บ้านหรูดังกล่าว ย่านลาดกระบัง จึงได้พบกับนางผาณิตมาส กลั่นแก้ว อายุ 40 ปี ผู้เสียหาย นำทีมข่าวไปสำรวจบ้านที่เกิดเหตุราคาเกือบ 50 บ้านบาท โดยชี้ให้ดูจุดช่องลมของห้องน้ำชั้น 1 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายปีนเข้ามาในบ้าน เพราะไม่ได้ล็อกหน้าต่าง จากนั้นคนร้ายเดินวนสำรวจที่ชั้น 1 ก่อนจะเดินขึ้นชั้น 2 และเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในห้องนอน ห้องแต่งตัว กวาดเอานาฬิกา ต่างหู เครื่องประดับ และบังคับให้เจ้าของบ้านหยิบเงินสดให้อีกด้วย
นางผาณิตมาส กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 21 ก.พ.65 เวลา 03.00 น. ขณะที่ตนนอนหลับอยู่ในห้องนอนกับลูกชายวัย 6 ขวบ ส่วนสามีแยกนอนอีกห้อง จู่ ๆ ตนก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอน ก็คิดว่าเป็นสามีจึงไม่ได้สนใจอะไร ระหว่างนั้นตนลุกเข้าห้องน้ำ เมื่อเดินมาที่ห้องแต่งตัวก็เห็นคนร้ายกำลังหยิบต่างหูแบรนด์เนม ตนตกใจมาก ๆ เพราะคนร้ายถือปืนเล็งมาที่ตนและสั่งว่าอย่าเสียงดัง และขู่ให้กลับไปนอนเหมือนเดิม ตนจึงบอกว่า "อยากได้อะไรเอาไปเลย แต่อย่าทำอะไรเด็ก" ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง พร้อมกอดลูกชายเอาไว้แน่น
จากนั้นคนร้ายเดินตามมา และบอกให้ตนไปหยิบเงิน 50,000 บาท ตนจึงเดินไปหยิบเงินในกระเป๋าปลายเตียงประมาณ 30,000 บาทให้คนร้าย ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป ตนพยายามหาโทรศัพท์บนเตียงเพื่อโทรหาสามี แต่จู่ ๆ คนร้ายก็เดินกลับมา และบอกว่าเงินไม่ครบ 50,000 บาท จึงสั่งให้ไปหยิบเพิ่ม ด้วยความกลัวตนจึงเดินไปหยิบเงินในตู้เซฟภายในห้องนอน จำนวน 50,000 บาท ส่งให้คนร้ายอีกครั้ง
โดยคนร้ายยังบอกว่า "เงินไม่ครบ" ตนจึงยกมือไหว้และบอกว่า "ขอร้องให้นับก่อนได้ไหม มั่นใจว่าเงินครบแล้ว และอาจจะเกินแล้วด้วยซ้ำนะ" ก่อนจะขอร้องคนร้ายให้ออกจากบ้านตน จากนั้นตนก็รีบโทรศัพท์บอกสามี ซึ่งสามีก็เดินเข้ามาดูทันที แต่คนร้ายหนีออกจากบ้านไปแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ทรัพย์สิน ทั้งนาฬิกาปาเต๊ะ ราคา 1.5 ล้าน แหวนเพชรคาเทียร์ราคา 150,00 บาท สร้อยทอง 3 บาท ของแบรนด์เนม กำไล สร้อยคอ ราคา 20,000-30,000 บาท รวม 3 เส้น ต่างหูแบรนด์เนม 5 คู่ คู่ละประมาณ 20,000 บาท และเงินสดประมาณ 80,000 บาท รวมมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท
นางผาณิตมาส กล่าวต่ออีกว่า คนร้ายรายนี้ย่ามใจมาก ๆ เดินวนอยู่ในบ้านประมาณ 45 นาที เหมือนเดินดูทรัพย์สิน ดูไม่ร้อนรน ฟังจากเสียงสังเกตว่าคนร้ายพูดไทยค่อนข้างชัด แต่เสียงเหน่อคล้ายเป็นคนต่างด้าว แต่ตนก็ไม่มั่นใจจึงไม่อยากปรักปรำ เมื่อตนมาย้อนดูช่วงก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 02.00 น. พบว่าไลน์กลุ่มหมู่บ้านมีการคุยกันว่าคนร้ายเข้าบ้านหลังอื่นก่อน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งไปดูที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คนร้ายเข้ามาในบ้านตน ตอนนี้รู้สึกหวาดผวามาก ๆ ไม่กล้านอนในห้องที่เกิดเหตุ ต้องนอนรวมกันกับญาติ ๆ ส่วนสามีก็ต้องคอยตรวจตราประตู หน้าต่างทุกบานช่วงกลางคืน เพราะกลัวจะเกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง
ขณะที่กล้องวงจรปิดในบ้านที่เกิดเหตุ เวลา 03.08 น. จับภาพคนร้ายสวมหมวกไอ้โม่งเดินวนในห้องนั่งเล่นชั้น 1 จากนั้นเวลา 03.12 น. คนร้ายเดินขึ้นมาที่ชั้น 2 โดยได้ยกมือไหว้พระ บริเวณหิ้งพระข้างบันได และเดินวนไปมา ก่อนปิดไฟ ต่อมาเวลา 03.16 น. คนร้ายเดินเข้าไปในห้องนอน และเวลา 03.30 น. คนร้ายเดินออกจากห้องนอน ถือทรัพย์สินอยู่ในมือแล้ว ก่อนเดินลงบันไดไปชั้นล่าง โดยพบว่าเหน็บอาวุธปืนไว้ที่เอวช่วงที่ลงบันไดมาด้านล่าง
หลังจากนั้น เวลา 03.31 น. คนร้ายเดินเข้าไปในห้องของเล่น พร้อมเปิดไฟ และนำทรัพย์สินที่ได้ออกมาดู ซึ่งมีทั้งนาฬิกา และสร้อยต่าง ๆ รวมถึงนับเงิน ต่อมาเวลา 03.34 น. คนร้ายกลับเข้าไปที่ห้องนอนผู้เสียหายอีกรอบ เวลา 03.43 น. คนร้ายออกมาจากห้องนอนผู้เสียหาย และเวลา 03.44 น. คนร้ายเดินลงมาข้างล่าง และเปิดประตูหลังบ้านหลบหนีไป
นอกจากนี้ ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า หลังบ้านของตนอยู่ติดกับพื้นที่ก่อสร้างเฟสใหม่ของหมู่บ้าน ซึ่งปกติคนงานสามารถเข้าออกได้อีกทางโดยไม่ต้องแลกบัตร ทั้งนี้ ทีมข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างด้านหลังหมู่บ้าน พบว่ามีรั้วสังกะสีกั้นโดยรอบ ขณะนี้มีการปิดประตูทางเข้าออกของคนงาน และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุด 1 คน ห่างออกมาประมาณ 100 เมตร เป็นแคมป์คนงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว
สอบถามนายเทียน ซอ อู แรงงานสัญชาติมอญ กล่าวให้ฟังว่า ปกติแล้วตนทำงานก่อสร้างในโครงการหมู่บ้านที่เกิดเหตุ แต่หลังเกิดเหตุมีการระงับการทำงาน นอกจากนี้ตำรวจก็เข้ามาค้นที่แคมป์คนงานทุกหลัง ซึ่งตนไม่อยู่ในคืนดังกล่าวเพราะออกไปรับงานก่อสร้างข้างนอก แต่ตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และบริสุทธิ์ใจให้ตำรวจมาตรวจสอบ
ทั้งนี้ เมื่อตนดูจากพฤติกรรมคนร้าย มองว่าเขาใจเย็นและกล้ามาก ๆ คนงานก่อสร้างทั่วไปไม่น่าจะทำได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นคนงานในโครงการหรือไม่ เพราะปกติก็มีคนสวนที่ทำงานประจำตามล็อกของตัวเอง ซึ่งมักจะฝังตัวอยู่เป็นปีอาจจะรู้ช่องทางหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายเข้าบ้านรวม 3 หลัง แต่ได้ทรัพย์สินไปเพียงหลังเดียว นอกจากนี้ ยังมีบ้านที่คนร้ายแค่เดินผ่านและปีนข้ามรั้ว ข้ามกำแพงอีก 5 หลัง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด รวมถึงเก็บหลักฐานรอยนิ้วมือเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุต่อไป
ขณะที่ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (Property Perfect) ทำหนังสือชี้แจงสื่อมวลชน ระบุว่า ทางโครงการมีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสมเพียงพอ มีการปรับปรุงระบบให้ทันสมัย เพื่อให้มีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นป้อมยามและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแยกเป็นเฟส การลาดตระเวนตรวจตรา ไม้กั้นอัตโนมัติใช้บัตร Pass Card ในการผ่านเข้าออก ระบบกล้องวงจรปิดตามถนนเมนและที่ป้อมยาม การตรวจสอบบุคคลภายนอก ตลอดจนมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน (Home Security) ให้กับบ้านทุกหลัง เป็นต้น
หลังเกิดเหตุ ทางโครงการได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดเป็นการเร่งด่วน ทั้งเสริมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มผลัดละ 2 นาย เพิ่มรอบตรวจลาดตระเวนทุก 30 นาที เพิ่มจุดตรวจ (ตู้แดง) ในหมู่บ้านจำนวน 6 จุด ขอความร่วมมือให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลาดตระเวนพิเศษ เพิ่มไฟฟ้าส่องสว่างตามแนวรั้วและบ้านที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย เร่งติดตั้งรั้วสูงเป็นรั้วเสริมป้องกันตลอดแนว ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มในจุดที่อาจมีความเสี่ยง เพิ่มความเข้มงวดขึ้นในการตรวจตราบุคคลภายนอกเข้าออกโครงการ พร้อมรณรงค์ให้ลูกบ้านเปิดระบบสัญญาณกันขโมยที่โครงการติดตั้งให้ทุกหลังในทุกคืน นอกจากนี้ ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคนร้าย และได้ตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้ให้เบาะแสคนร้ายด้วย บริษัทฯ จึงเรียนมายังท่นเพื่อเป็นข้อมูล ถึงการดำเนินการที่มีต่อกรณีดังกล่าว
