ตีแสกหน้าอนุทิน คนป่วยโควิดถูกทิ้ง เส้นด้านเจอ 2 รายไร้เตียงนอนถนน (คลิป)

กรณีอาสาทีมเส้นด้าย เข้าช่วยเหลือลุงคนหนึ่งซึ่งป่วยโควิด-19 เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าอยู่ในขั้นวิกฤตเป็นผู้ป่วยสีแดง โดยสภาพที่ไปพบชายคนดังกล่าวนอนอยู่ที่ข้างถนน ซึ่งผลจากแพทย์ตรวจพบว่ามีค่าออกซิเจนต่ำ ตามที่ปรากฏเป็นกระแสวิจารณ์นั้น 

ล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.65 ทีมข่าวได้พูดคุยกับญาติของชายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของผู้ป่วย น้องชายเดินทางมาจากจังหวัดหนองคาย เพื่อเข้ามากรุงเทพฯ รับจ้างขับรถหารายได้ ซึ่งทำงานได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว เช่าบ้านพักอยู่กับเพื่อน ๆ โดยในวันเกิดเหตุน้องชายบอกตนว่ามีอาการปวดหัว ตัวร้อน และเจ็บคอ ตนก็เป็นห่วงแต่น้องชายไม่อยากเข้ามาที่บ้าน เพราะว่าที่บ้านของตนมีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ

จากนั้นตนก็ติดต่อน้องชายไม่ได้อีกเลย จนมาทราบข่าวว่าคนที่ไปนอนข้างถนนเป็นน้องชายของตน หลังจากทีมเส้นด้ายติดต่อเข้ามา เพราะทีมเส้นด้ายได้รับแจ้งว่า เวลาประมาณ 22.30 น. พบชายติดโควิด-19 นอนข้างถนน มีอาการอ่อนเพลีย ออกซิเจนต่ำ จึงช่วยพาไปรักษาที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ตนรู้สึกตกใจมาก ๆ ไม่คิว่าจะเป็นน้องชายของตัวเอง ตนต้องกล่าวขอบคุณทีมเส้นด้ายที่ช่วยเหลือชีวิตน้องชาย ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว ตนจึงไม่คิดว่าภาพคนป่วยนอนข้างถนนจะเกิดกับน้องชายแบบนี้ 

เวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ปรากฏเป็นข่าวและมีภาพผู้ป่วยโควิด-19 นอนข้างถนนระหว่างรอเข้ารับการรักษา

นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้น และไม่มีข่าวตามภาพที่ออกมา ตนได้ตรวจสอบกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน อีกทั้งจำนวนเตียงที่มีอยู่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ยังคงมีความพร้อม "เรื่องที่มาถามว่ามีคนมานอนอยู่ข้างถนน ผมเห็นข่าวก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ทั้งปลัดกระทรวงฯ อธิบดีฯ เช็กแล้วเช็กอีกก็ไม่มี เพราะเตียงยังพอมีอยู่ ยังครองไม่ถึงครึ่ง ส่วนยาก็มีเต็มที่ และเวลานี้เราเน้นการรักษาตัวที่บ้านเป็นหลัก"

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปรับระบบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า "ปรับแล้ว เรื่องของสิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐบาล เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (ยูเซป) ยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิกการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่รักษาตามสมมติฐานของโรค เช่น ผู้ป่วยโควิดส่วนใหญ่ ที่ไม่แสดงอาการ ไม่มีอาการรุนแรง หรือผู้ป่วยสีเขียวจะใช้การรักษาแบบรักษาตัวที่บ้าน หรือที่ศูนย์พักคอยชุมนุม ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลืองขึ้นไปจนถึงสีแดง คือตั้งแต่ปานกลางถึงรุนแรง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลภายใต้ระบบยูเซปได้ และสามารถรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนได้โดยไม่มีกำหนดเวลา 72 ชั่วโมง ที่จำแนกประเภทของผู้ป่วย เพื่อให้เตียงมีจำนวนว่างมากที่สุด รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์ ทรัพยากรบุคคลทางการแพทย์ให้มีเพียงพอ หากผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการ ถ้าทุกคนแห่ไปที่โรงพยาบาล ก็จะมีปัญหาเพราะไม่ได้มีเฉพาะแค่โควิดอย่างเดียว ยังมีโรคอื่น ดังนั้นเราต้องบริหารจัดการระบบสาธารณสุขให้ดี"

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า เมื่อเดือน ม.ค.65 ที่ผ่านมา ประกาศลดระดับจาก 5 เหลือ 4 ซึ่งการแจ้งเตือนระดับ 4 เป็นแนวทางสำหรับปฏิบัติ หากเราสามารถเว้นระยะห่าง ทำงานจากที่บ้าน ลดการสังสรรค์ ก็จะเป็นเรื่องดี ใจเย็น ๆ ประเทศอื่นทั่วโลกกราฟผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงกว่าไทย แต่ก็ยังใช้มาตรการผ่อนคลาย ส่วนไทยก็ต้องหาทางออกที่ดีที่สุด เดินทางสายกลาง ซึ่งเชื้อโอมิครอนติดง่าย หายเร็ว ความรุนแรงของโรคไม่เหมือนสายพันธุ์อื่น

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ มีมติสั่งปิดสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ และร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการแสดงดนตรีทั้งจังหวัดโดยไม่มีกำหนด เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-1 9) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน (Omicon) สามารถแพร่ได้เร็วและมีโอกาสทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ และ ปัจจุบันจังหวัดบุรีรัมย์ มีรายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ รวมกว่า 8,600 ราย ในจำนวนนี้มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันที่สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ และร้านจำหน่ายอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีการแสดงตนตรี มากถึง 300 ราย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ วันวาเลนไทน์ที่มีผู้เดินทางข้ามจังหวัด ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อ ซึ่งหากยังคงปล่อยให้ดำเนินกิจการต่อไป อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไปยังสถานที่ชุมชน หมู่บ้านอื่น ๆ ในวงกว้าง จนยากต่อการควบคุมโรค