โจ๋ครึ่งร้อยล้อมรถวัยรุ่นต่างถิ่น เจอยิงสวนตายคาที่ มือปืนลั่นถูกบีบจนตรอก (คลิป)

จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ก.พ.65 เวลา 00.05 น. พ.ต.ท.สวัสดิ์ โคตร บรรเทา สารวัตรสอบสวน สภ.อาจสามารถ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืน บริเวณทางเข้าศาลหลักเมืองดอนปู่ตาบ้านสั้น ตำบลอาจสามารถ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในจุดเกิดเหตุ

ทราบชื่อผู้ตายคือ นายนันทนา ใจกว้าง อายุ 21 ปี กระสุนปืนยิงเข้าบริเวณกลางหน้าผากเสียชีวิตคาที่ ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นายปรีดา ใจกว้าง อายุ 43 ปี ถูกยิงที่ขาด้านขวา และนายอาทิตย์ อายุ 15 ปี ถูกยิงที่ขาขวา เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บนำส่ง รพ.อาจสามารถ ส่วนศพผู้เสียชีวิต เบื้องต้นมอบศพให้ญาติไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

ล่าสุด วันที่ 14 ก.พ. 65 ที่ สภ.อาจสามารถ พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวนายพิสิทธิ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม จากการสอบถามข้อมูลจาก ผกก.สภ.อาจสามารถ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจได้มีการพาผู้ต้องไปชี้จุดเเล้ว เเต่ไม่ได้มีการทำแผนเนื่องจากเกรงในเรื่องของความปลอดภัย โดยการชี้จุดมีทั้งหมด 3 จุด จุดจอดรถกระบะ ภายในศาลากลาง, จุดยิงหน้าประตูศาลหลักเมือง และจุดยิงหน้าร้านถ่ายรูปเยื้อง รพ.อาจสามารถ ซึ่งจุดที่ 3 นี้เป็นจุดที่ผู้ต้องหาอ้างว่ากลุ่มผู้ตายมีการขับตามมาจะทำร้ายอีก จึงได้มีการยิงอีกครั้ง แต่จุดนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา คือฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืน พกพา ยิงปืนโดยใช่เหตุ ทั้งนี้ผู้ต้องหายังยืนยันว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของตัวเอง ลงมือเพียงคนเดียว ส่วนสาเหตุที่ยิงปืนเพราะต้องป้องกันตัว โดยในวันนี้จะมีการส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ลูกปลายขนาด 12 ผู้ต้องหาอ้างว่าเอาปืนทิ้งน้ำในพื้นที่หมู่ 3 บ้านเเคน ตำบลโหรา ขณะนี้ยังหาอาวุธไม่เจอ

นางสุภัชรี วิสัชนาม อายุ 50 ปี แม่ของนายพิสิทธิ์ วิสัชนาม อายุ 26 ปี ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 12 ก.พ. 65 ลูกชายตนเเต่งตัวออกจากบ้านจะไปเที่ยวงานบุญ ตนก็ได้เตือนเเล้วว่าดึกเเล้วอย่าออกไปข้างนอก เเต่ลูกชายไม่ฟัง จนสุดท้ายลูกชายก็ออกจากบ้านไป ตนมาทราบเรื่องอีกครั้งตอน 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้นที่ตำรวจมาที่บ้าน บอกว่าลูกชายไปยิงคนตาย

จากการสอบถามเพื่อนของลูกชาย ทราบว่า คืนวันนั้นลูกชายไปเที่ยวกันกับเพื่อนประมาณ 10 คน เเละมาจากต่างถิ่น จนสุดท้ายกลุ่มของลูกชายถูกวัยรุ่นเจ้าถิ่นหาเรื่องก่อน ถ้าดูตามคลิปแล้ว กลุ่มของลูกชายขึ้นรถกระบะกำลังจะกลับออกจากงานเเล้ว แต่กลุ่มคนตาย วัยรุ่นเจ้าถิ่นกลับตามไปทุบรถ จนลูกชายต้องยิงสวนเพื่อป้องกันตั ลูกชายของตนไม่เคยเกเร ไม่เคยมีเรื่องยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้ น่าจะคึกคะนองไปกับเพื่อน ยอมรับว่าปกติไม่เคยเห็นลูกชายพกปืนมาก่อน ไม่ทราบว่าเหตุการณ์วันนั้นลูกชายไปเอาปืนมาจากไหน

ตนยอมรับในข้อหาพยายามฆ่าไม่ได้ เพราะรุนเเรงเกินไป ลูกชายของตนเเค่ป้องกันตัวเอง จึงได้ยิงปืนสวนออกไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายิงถูกใครบ้าง ไม่ได้จะพยายามฆ่าใคร จึงอยากขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย ส่วนเรื่องประกันตัว ตนก็กำลังรอดูอยู่ว่าคดีจะดำเนินไปทิศทางใด ส่วนครอบครัวของฝั่งผู้เสียชีวิต ตนเองก็ยังไม่ได้ติดต่อไปเเละไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนฝั่งนั้นเองก็ยังไม่ได้ติดต่อตนกลับมาเช่นกัน อยากจะขอโทษครอบครัวฝั่งผู้เสียชีวิตด้วย ตนเองก็ไม่เคยสนับสนุนให้ลูกชายไปฆ่าใคร ในเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเเล้ว ตนก็รู้สึกเสียใจมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

นางสุภัชรี ส่งคลิปให้ทีมข่าว 2 คลิปความยาว 2.17 นาที เหตุการณ์ในคลิปเป็นช่วงตอนที่กลุ่มวัยรุ่นฝั่งคนตายยืนรอหน้าประตูศาลหลักเมือง รอจะเข้าตะลุมบอนในช่วงที่รถกระบะคันสีขาวกำลังจะขับออกจากวัด ในคลิปจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 ครั้ง

ส่วนอีกคลิปความยาว 4 วินาที เป็นช่วงที่รถกระบะคันสีขาวของฝั่งผู้ก่อเหตุกำลังขับออกจากวัด มีกลุ่มวันรุ่นฝั่งผู้ตายวิ่งไล่ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น 1 ครั้ง

นางสาวส้ม อายุ 24 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ช่วงวันเกิดเหตุ ตนและสามีได้ไปทำงานขายไก่สดที่ตลาดตามปกติ จนกำลังจะกลับบ้านก็ได้เเวะเติมน้ำมัน ก็ยังพูดคุยกันตามปกติ จนช่วง 21.00 น. ตนเเละสามีกลับมาถึงบ้าน สามีก็ได้ออกไปดูหมอลำที่ศาลหลักเมืองกับเพื่อน 2 คน ซึ่งตอนนั้นเพื่อนก็มีอาการเมา ส่วนสามีก็ดื่มเหล้าเช่นกัน ก่อนจะไปนัดเจอกับเพื่อน ๆ ที่งานอีกรวมประมาณ 10 คน

ตนก็อยู่ที่บ้านเลี้ยงลูกชายวัย 4 ขวบ จนช่วงเวลาประมาณ 23.00-00.00 น. ได้ยินเสียงคล้ายปืนดังมาถึงที่บ้าน ตอนเเรกก็ยังไม่คิดว่าเสียงปืนนั้นจะเป็นเสียงปืนที่ยิงโดนสามี พอผ่านไป 5 นาที เพื่อนเเฟนก็โทรมาบอกว่าถูกยิงที่หัวให้รีบไปดู ตอนนั้นก็คิดไว้อยู่เเล้วว่าถ้าถูกยิงศีรษะก็คงไม่รอด ตนก็ได้ไปหาสามีที่ห้องฉุกเฉินที่ รพ.อาจสามารถ เเต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้เข้าไปเยี่ยม จนช่วงประมาณ 01.00 น. ได้ส่งตัวต่อไปยัง รพ.ร้อยเอ็ด พอช่วงเวลา 03.00 น. สามีก็เสียชีวิต

หากดูจากในคลิป ก็จะเห็นว่ากลุ่มเพื่อนของสามีไปตีท้ายรถของคู่กรณีจริง ตนเองก็คาดว่าสามีน่าจะเข้าไปช่วยห้ามเพื่อนมากกว่าจะเข้าไปรุมทำร้าย จนสุดท้ายโดนลูกหลง เพราะนิสัยของสามีไม่ใช่คนแบบที่จะไปหาเรื่องใครก่อน เขากำลังจะสร้างอนาคต กำลังทำงานหาเลี้ยงครอบครัวกับตน เเต่ตอนนี้ทุกอย่างต้องพังลง ตนก็ต้องเลี้ยงลูกชายวัย 4 ขวบตามลำพัง

ส่วนนายปรีดา ผู้บาดเจ็บ ลุงของสามี ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ร้อยเอ็ด อาการยังไม่ดีขึ้น เพราะยังไม่ได้ผ่ากระสุนออกจากขา ส่วนเด็กผู้ชาย อายุ 15 ปี ตนก็ไม่รู้จักว่าเป็นใคร เเต่คาดว่าเด็กคนนั้นอาจเป็นคนในเหตุการณ์เท่านั้น