กรณีดราม่านิติบุคคล เรียกรถเทศบาลเข้ามาขนของลูกบ้านออกจากตึกโดยไม่ได้แจ้ง โดยสิ่งของทั้งหมดที่ถูกนำไปทิ้ง มูลค่าประมาณ 4 แสนบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 4 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่แฟลตการเคหะ อาคาร 4 ถนนติวานนท์ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีพบว่าจุดที่มีการกองของเอาไว้ คือ บริเวณใต้อาคาร ซึ่งปัจจุบันคือที่จอดรถจักรยานยนต์ของอาคาร
นางสาวกษริฐา แสนเพียรดี หรือ โม ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าของบ้านไล่ตนออกจากห้องเนื่องจากตนค้างค่าเช่า ตอนนั้นก็มีตำรวจ และมีนิติบุคคล รวมถึง รปภ. โดยที่ตนฝากของไว้ก่อนตั้งแต่ 11 ก.ค. 64 ปัญหาของตนก็มี ตนตกงาน ไม่มีเงิน ตนไม่สามารถขนของไปไหนได้ เพราะเพิ่งถูกไล่ออกมา ตนยืนยันว่าไม่มีการแจ้งว่าจะมีรถเทศบาลมาขนของตนออกไป
กระทั่งคนที่ตนรู้จักในตึก โทรศัพท์มาแจ้งตนว่ามีรถเทศบาลมาขนของตนเองไป ตนตั้งใจจะย้ายของออกวันที่ 31 ต.ค.64 แต่ถูกขนของไปก่อนคือ 28 ต.ค.64 ซึ่งเท่ากับว่ายังไม่ได้แจ้งอะไรตนเลย นิติอ้างกับตนว่าไม่รู้ว่าใครขน แนะนำให้ตนไปแจ้งความ
เมื่อตนไปแจ้งความตนก็ได้กล้องวงจรปิดสืบหารถเก็บขยะ โดยเทศบาลแจ้งว่าตรวจสอบแล้ว ตนยอมรับว่าเทศบาลเป็นคนขนจริง โดยฝ่ายนิติฯ เป็นคนแจ้งให้มาขน อย่างไรก็ตามตนก็สงสัยเช่นกันว่าทำไมถึงมาขนของตน ซึ่งเป็นของที่มีเจ้าของ หลังเจรจาฝ่ายเทศบาลอ้างว่าของตนมีกลิ่นเหม็น ของที่หายไปมีพระเครื่อง เครื่องมือชั่ง ชั้นวางของ ชุดนักเรียนของลูก ซึ่งตนซ้อนเอาไหวมูลค่าประมาณ 4 แสนเศษ ๆ ทางเทศบาลอ้างว่าไม่มีอำนาจที่จะขนย้าย ซึ่งตนคิดว่าหากนิติฯ สั่งให้เทศบาลไปตายจะทำหรือไม่ เพราะของมีเจ้าของ ดังนั้นจะอ้างนิติฯ สั่งไม่ได้
เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด ได้นัดคู่กรณี 3 ฝ่าย ได้แก่ ตัวแทนเทศบาลนครปากเกร็ด นิติบุคคลแฟตการเคหะ และครอบครัวของนางสาวกษริฐา ผู้เสียหาย โดยพ.ต.อ.พงศจักร เปิดเผยว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำผู้เสียหาย รวมทั้งนิติบุคคล และคนขับรถเทศบาล จากนั้นจะสรุปสำนวนคดีให้อัยการเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายมงคล คนขับรถขนขยะ กล่าวว่า มนวันนั้นมีคนของการเคหะโทรศัพท์มาแจ้งให้ตนไปเก็บขยะจุดดังกล่าว เมื่อตนไปถึงเห็นว่าเป็นเศษขยะกองไว้นานแล้ว และส่งกลิ่นเหม็นด้วย ตนยินยันว่าไม่ได้รื้อค้นทรัพย์สินใด ๆ หลังจากนั้นตนไม่ทราบว่านางสาวกษริฐา มาติดต่อกับเทศบาลอย่างไร
นางสาวจิตรา เกษศรีรัตน์ นิติบุคคลการเคหะ เปิดเผยว่า นิติฯ ได้รับฝากของจากผู้เสียหายจริง แต่ผู้เสียหายไม่เคยมาดูของที่ฝากเอาไว้เป็นเวลานานกว่า 4 เดือน นิติฯ จึงประชุมกันลงความเห็นว่า ควรนำสิ่งของทั้งหมด ซึ่งคาดว่าเป็นสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วออกไปทิ้ง จากนั้นได้ประสานไปยังเทศบาลนครปากเกร็ด เนื่องจากช่วงนั้นติดต่อผู้เสียหายไม่ได้
ทั้งนี้ ผู้เสียหายรายนี้ ไม่จ่ายค่าเช่าห้องมานานกว่า 7 เดือนแล้ว รวมทั้งยังมีพฤติกรรมขโมยน้ำไฟใช้ รวมทั้งทำลายกล้องวงจรปิด ตนยืนยันว่าเป็นระเบียบของนิติฯ ที่ต้องทำตามหน้าที่และให้โอกาสผู้เสียหายมาโดยตลอด
ด้านเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนจากเทศบาลนครปากเกร็ด กล่าวกับครอบครัวผู้เสียหายว่า เทศบาลนครปากเกร็ด ได้รับการประสานจากนิติบุคคลให้มาเก็บขยะกองดังกล่าว เนื่องจากกองทิ้งไว้เป็นเวลานาน แล้วการปฏิบัติงานของนายมงคลคนขับรถขยะ ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับแจ้งและประสานกับทางนิติบุคคล เรื่องที่เกิดขึ้นเทศบาลจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
