กลุ่มรักสัตว์ โชว์แชตพลทหาร "อั้ม" แฉบิ๊กทหารสั่งจับหมา ปัดจัดฉากกีดกันไม่ให้แม่เจอลูก (คลิป)

7 ม.ค. 62
จากกรณีที่พลทหารจักรพรรณ แก้วกลัด หรือ อั้ม ได้ออกมาแจ้งเบาะแสว่ามีนายทหารระดับสูงท่านหนึ่ง สั่งให้ทารุณสุนัข หลังจากที่ไม่พอใจที่ถูกวิ่งไล่ในค่าย จนเป็นกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์ และมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือสุนัข 2 ตัวดังกล่าวแล้วนั้น
ญาติพลทหารจักรพรรณ ร่วมแถลงข่าว
ล่าสุด วันที่ 6 ธ.ค. 62นางยุพิน แก้วกลัด และนายเจริญศักดิ์ แก้วกลัด หรืออ๊อด มารดาและพี่ชายพลทหารจักรพรรณ รวมทั้ง นางเจิม แก้วกลัด อายุ 72 ปี ผู้เป็นย่า แถลงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า พลทหารจักรพรรณ โทรศัพท์เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า สาเหตุที่แจ้งข่าวเรื่องสุนัขไปยังเพจเฟซบุ๊กดังนั้น เพียงเพื่อต้องการให้มีคนนำสุนัขจรจัดไปดูแล โดยพลทหารจักรพรรณไม่ได้ถูกลงโทษรุนแรงตามที่เป็นข่าวจากเพจ (อ่าน : หนังคนละม้วน! ญาติเผยพลทหารช่วยหมามัดตากแดด ยังอยู่ดี ไม่โดนซ้อมโหด แฉเพจดังโพสต์เบือน)
นางยุพิน แก้วกลัด แม่ของพลทหารจักรพรรณ
นางยุพิน แก้วกลัด อายุ 52 ปี แม่ของพลทหารจักรพรรณ เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับลูกเรื่องที่ร้องเรียนกับเพจแล้ว ซึ่งอั้มบอกกับตนว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำให้กองทัพได้รับความเสื่อมเสีย เพียงแค่อยากให้มีคนเอาหมาที่หิวโซไปดูแลเท่านั้น เพราะอั้มเป็นคนรักสัตว์มาก เวลาอยู่บ้านก็มักจะหุงข้าว และซื้อโครงไก่มาต้ม 2-3 ตัว สับแล้วคลุกข้าวเอาไปให้หมาวัดกิน อีกทั้งยังเป็นคนชอบทำบุญ และเรียบร้อย ชอบอยู่กับเพื่อนผู้หญิง
พลทหารจักรพรรณ แก้วกลัด หรือ อั้ม ผู้แจ้งเรื่อง
นางยุพิน กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากเป็นข่าว ตนก็รู้สึกตกใจมาก และเป็นห่วงลูกว่าจะถูกลงโทษ อีกทั้งลูกก็โทรศัพท์มาบอกตนว่าเรื่องหมาเกิดเป็นข่าวดัง ตนจึงรีบไปเยี่ยมลูกทันที ด้วยความเป็นห่วง ซึ่งทางค่ายทหารก็ให้การต้อนรับ และอนุญาตให้พบกับลูกชาย เมื่อได้พบเจ้าตัวก็ยังปกติดี อีกทั้งได้ยืนยันกับตนว่าทางค่ายก็ไม่ได้ลงโทษ เพียงแค่ซ่อมวินัยด้วยการเดินรอบสนาม เป็นวินัยของทหารเพียงเท่านั้น ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่ามีการยึดโทรศัพท์นั้น เป็นเรื่องจริง โดยทหารจะมีการยึดโทรศัพท์ และให้ใช้เป็นบางเวลาเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของทหาร ไม่ใช่การลงโทษแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลูกของตนถูกย้ายไปประจำค่ายทหารที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวาน (6 ม.ค. 61) ตนก็รู้สึกดีใจมากขึ้น ซึ่งอั้มเองก็สบายใจ แต่ตนก็ยังเป็นห่วงว่าลูกไปอยู่ที่ใหม่ คงต้องปรับตัว และหาเพื่อนใหม่ ๆ อีก นอกจากนี้ ตนก็รู้สึกดีใจที่ลูกได้รับการชื่นชมจากสังคม แต่ก็เสียใจที่เป็นข่าวแล้วกระทบกับทางค่ายทหาร
สพ.ญ.ภัทรนันท์ สัจจารมย์ สัตวแพทย์และผู้ช่วยฝ่ายกฎหมาย WDT
ขณะที่ สพ.ญ.ภัทรนันท์ สัจจารมย์ สัตวแพทย์และผู้ช่วยฝ่ายกฎหมาย WATCHDOG THAILAND เผยว่า สำหรับประเด็นที่ครอบครัวบอกว่าพลทหารจักรพรรณ แก้วกลัด หรือ อั้ม บอกว่าที่น้องอั้มแจ้งข่าวเรื่องสุนัขมายังเพจ เพียงเพื่อต้องการให้มีคนนำสุนัขจรจัดไปดูแลนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางเพจมีข้อมูลว่าน้องอั้มได้ส่งเรื่องราวมาแจ้งการกระทำของผู้บังคับบัญชาที่กระทำผิดเกินกว่าเหตุ ซึ่งทางตนมีข้อมูลหลักฐานเป็นแชตการสนทนา ส่วนประเด็นการทำร้ายร่างกาย เรื่องการลงโทษโกนหัว ตนได้ทราบข้อมูลมาจากพลทหารท่านอื่น ส่วนเรื่องการถูกยึดโทรศัพท์ และเรื่องที่บอกว่าหากหายไป แสดงว่าถูกกักขังนั้น เป็นสิ่งที่นายอั้มโพสต์แจ้งเอง เพื่อที่จะให้ครอบครัวทราบการเคลื่อนไหว
แชตการสนทนาของผู้ร้องเรียนกับเพจ WDT
สพ.ญ.ภัทรนันท์ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ว่ามีผู้หญิงรายหนึ่ง ได้กีดกันไม่ให้เข้าไปภายในค่ายทหาร หรือหวังจะพาครอบครัวน้องอั้มไปที่สถานีตำรวจ ตนขอชี้แจงว่า แม่ของนายอั้มทราบอยู่แล้วว่าบุคคลที่อยู่หน้าค่ายคือนางนวล เป็นตัวแทนของเพจ Watchdog Thailand และคอยประสานงานรวมถึงคอยดูแลนายอั้ม และคุณแม่อีกด้วย รวมไปถึงช่วงที่คุณแม่ได้มารอพบนายอั้มแต่เช้า แต่ทหารไม่เข้า แม่จึงนั่งร้องไห้รอหน้าค่าย ทางตัวแทนเพจจึงเข้าไปดูแล และพาไปพักที่รีสอร์ตเท่านั้น ส่วนตัวจึงคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดที่มีการนำเสนอออกมานั้น เป็นการจัดฉาก นอกจากนี้ ทราบข้อมูลมาว่า ทหารที่จังหวัดลพบุรีเป็นคนพาแม่นายอั้มมาให้สัมภาษณ์ ซึ่งในความเป็นจริง ทราบมาว่าทางกองทัพบกยืนยันว่า ทางกองทัพบกไม่มีนโยบายในการแถลงข่าวใด ๆ และการแถลงข่าวที่เกิดขึ้น หากพบว่ามีบุคคลใดไปเกี่ยวข้อง ก็จะมีผลบังคับใช้โทษทางวินัยของทหารต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องคดีดังกล่าวที่เป็นคดีอาญาก็ดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย เพื่อนำคนผิดมาลงโทษ และส่วนเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ก็อยากให้บุคคลนั้นอยู่เฉย ๆ เนื่องจากสิ่งที่พูดก็คงมีแต่ผลเสีย และหากบีบบังคับให้ญาติออกมาพูด ก็คงไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ได้เจอสุนัขอีกตัวหนึ่งแล้ว และเตรียมนำส่งศูนย์เพื่อตรวจสุขภาพและดูแลอย่างดี

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ