กรณีเหตุการณ์สลดที่เกิดขึ้นในพื้นตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยปราการ ได้รับแจ้งเหตุแม่แท้ ๆ ใช้อาวุธมีดฟันคอลูกสาววัย 2 ขวบ เสียชีวิตคาที่ในห้องนอนของตัวเอง ภายหลังทราบชื่อแม่ของเด็ก นางนามิแต๋ อายุ 29 ปี ส่วนเด็กที่เสียชีวิตทราบชื่อ ด.ญ.บุญสิตา หรือ น้องสิ อายุ 2 ปี
สภาพศพที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหลังเกิดเหตุนั้น พบว่าน้องสิ นอนจมกองเลือด ลักษณะลำคอโดนปาดด้วยมีดจนตัดเส้นเลือดใหญ่และเกือบขาด นอนอยู่บนบริเวณที่นอน ทั้งนี้ไม่พบตัวแม่ของเด็กอยู่ในจุดเกิดเหตุ ทราบภายหลังว่าได้เดินเท้าออกไปจากหมู่บ้านหลังเกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปพบตัวที่บริเวณป่าข้างทาง ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร โดยหญิงสาวรายนี้อ้างว่าจะเดินไปที่ป้อมตำรวจ เพื่อไปแจ้งเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในพื้นที่กลับมาพบตัวเสียก่อน
ล่าสุด วันที่ 30 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางลงไปพื้นที่ยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ ในพื้นที่ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวลาหู่ที่พักอาศัยกันกว่า 50 ครัวเรือน เมื่อทีมข่าวไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบว่าญาติ ๆ กว่า 10 คนและเพื่อนบ้านได้นั่งรวมตัวกันจัดพิธีให้กับเด็กผู้เสียชีวิต โดยมีโลงศพไม้ตั้งอยู่ภายในบ้าน หน้าห้องที่เกิดเหตุ
นางสอ ดวงดี อายุ 57 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ และเป็นยายของผู้เสียชีวิต เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ (29 ม.ค.65) เวลาประมาณ 17.30 น. ตนกำลังนั่งทำอาหารอยู่บริเวณหลังบ้าน ซึ่งห่างจากห้องนอนที่หลานนอนอยู่ประมาณ 10 เมตร จากนั้นหลานก็เดินมาหาตนที่หลังครัว พร้อมกับบอกว่า "ยายอยากขนม" ตนเลยบอกว่า "เดี๋ยวไปซื้อให้" พร้อมบอกให้หลานไปรอในห้องนอนก่อน เพราะตนกำลังต้มน้ำร้อนเพื่อจะอาบน้ำให้หลาน
ผ่านไปประมาณ 20 นาที เวลาประมาณ 18.30 น. ตนก็ต้มน้ำเตรียมอาบน้ำให้หลาน กลับพบว่าหลานสาวนอนจมกองเลือดเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ลูกสาวของตนหรือแม่ของเด็ก ก็ไม่อยู่ในบ้านแล้ว ตนจึงตัดสินใจเรียกให้ทางผู้นำผู้บ้านมาตรวจสอบ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าลูกสาวของตนป่วยทางจิต ก่อนหน้านี้ 2-3 ปีที่ผ่านมา เคยมีอาการประสาทหลอนมาแล้ว เลยนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสวนปรุง เข้าออก ๆ อยู่ 2-3 ครั้ง กระทั่งครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ลูกสาวก็ยังไปรับยามาทานตามปกติ ไม่พบอาการแต่อย่างใด ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเครียดและอาการป่วยทางจิตเวช เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวมักจะบ่นให้ฟังว่า "งานก็ไม่มี ต้องมาดูแลลูกน้อย ภาระเงินก็ไม่พอ" และมีอารมณ์ฉุนเฉียวและชอบทุบตีลูก
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าปมการก่อเหตุนั้น ลูกสาวไม่ได้ทะเลาะกับตน หรือมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะที่ลูกเขยหรือพ่อของเด็กก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากลูกสาวของตนท้องไม่มีพ่อ อีกทั้งในช่วงที่ก่อเหตุตนก็ไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องแม้แต่น้อย หรือมีเสียงคนอื่นเข้ามาในบ้านแต่อย่างใด ตนเชื่อว่าคงเป็นฝีมือลูกสาวจริง ๆ สุดท้ายนี้ตนก็คงให้เป็นเรื่องของคดีความตามกฎหมายต่อไป
นายสมบัติ ยาบุญนะ อายุ 63 ปี พ่อค้าร้ายก๋วยเตี๋ยว เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ เมื่อวานนี้คนก่อเหตุพาลูกสาวมาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน อาการตอนนั้นเขาก็ปกติ ยังคุยดี ๆ กับลูกสาว ไม่ได้มีท่าทีดุด่า หรือมีท่าทีว่าจะเกิดเหตุรุนแรงได้ ส่วนเรื่องที่เขาป่วยจิตนั้นก็เป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้เคยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทางจิตเวช อาการก็ดีขึ้น จากเดิมที่ไม่เคยคุยกับใคร ตอนนี้ใครทักทายก็คุยได้ปกติ
เมื่อถามว่าจริง ๆ แล้วสาเหตุการก่อเหตุ ชาวบ้านได้มีการพูดคุยหรือไม่ว่ามาจากอะไร นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความเครียด ซึ่งจากที่ชาวบ้านพูดกันพบว่าเขาเคยมีที่ดินกว่า 3 ไร่ เอาไว้ปลูกข้าวโพด หลังจากนั้นเพิ่งมาทราบว่าแม่ของเขาที่เสียชีวิต ได้ขายให้กับญาติใน ราคา 10,000 บาท ทำให้เขาที่ตั้งใจจะเก็บที่ดินผืนนั้นไว้ให้ลูกสาว เกิดความเครียดขึ้นมาหรือไม่