ดวลเดือด! ร้านผ้ากะซวกร้านยำ 2 ฝ่ายแฉยับเพลงดังกับคนความเมาต้นเหตุบู๊ (คลิป)

กรณีร.ต.อ.กันตพัฒน์ ชาวดอน รองสว. (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาท ภายในร้านขายยำและลูกชิ้นนึ่ง ซึ่งเป็นห้องแถว ในพื้นที่หมู่ 3 ซอยสินสมบูรณ์ หรือ ซอยโอ่ง ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังรับแจ้งจึงรุดไปพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ

เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบว่า นายศิริชัย อายุ 27 ปี มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่หน้าอกซ้ายและหน้าท้อง รวม 2 แผล ส่วนผู้บาดเจ็บที่เป็นผู้หญิงทราบชื่อ น.ส.สุภาพร อายุ 42 ปี มีบาดแผลถูกฟันเข้าที่ต้นแขนซ้าย ด้านผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายไกรษร อายุ 37 ปี

ล่าสุดวันที่ 23 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบเป็นห้องแถว หมู่ 3 ซอยสินสมบูรณ์ หรือ ซอยโอ่ง ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ และเป็นร้านตัวแทนรับส่งพัสดุให้กับหลายบริษัท ส่วนร้านของคู่กรณีขายเสื้อผ้าและหน้าร้านขายลูกชิ้นนึ่ง ซึ่งในวันนี้ทั้ง 2 ร้านปิด

ทีมข่าวสอบถามนางสาวทัดดาว (นามสมมติ) ผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับตน นายไกรษร ผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่มาก่อนประมาณ 5 ปี ซึ่งเป็นคนนิสัยดี สนุกร่าเริง ส่วนนายศิริชัย ผู้บาดเจ็บ เพิ่งมาอยู่ได้ 2 ปี ซึ่งก็เป็นคนดีอีกคน แต่ชอบเปิดเพลง และดื่มสุรา ตนก็เคยไปนั่งดื่มด้วย ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เปิดเสียงดังมาก เพราะจะเน้นนั่งพูดคุยกันมากกว่า

ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงกันเรื่องเปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งตนเห็นว่านายไกรษร ค่อนข้างอารมณ์ร้อน เพราะเมาสุราด้วย ตนจึงเดินเข้าไปห้ามบอกว่า "อย่ามีเรื่องกัน" ตอนนั้นตนเหลือบไปเห็นว่า นายไกรษร พกมีดเหน็บไว้ด้านหลัง ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ คิดว่าแค่เถียงกันแล้วจะแยกย้ายเหมือนครั้งก่อน ๆ

กระทั่งเมื่อหันมาดูอีกที นายไกรษร ก็วิ่งเข้าไปจ้วงแทงนายศิริชัยแล้ว ในตอนนั้นเหตุการณ์ชุลมุนมาก ๆ ทำให้นางสาวสุภาพร ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าไปช่วยห้ามปราม เพราะถูกมีดฟันแขนซ้ายได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายไกรษร ถูกขวดตีศีรษะเลือดอาบ ซึ่งไม่นานตำรวจและกู้ภัยก็เข้ามาถึงที่เกิดเหตุ

สำหรับอาการของ นายศิริชัย ผู้บาดเจ็บ แพทย์ได้เย็บแผลถึง 4 เข็ม และได้ให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน ส่วนน.ส.สุภาพร ซึ่งถูกมีดฟันที่แขนซ้าย ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากแพทย์ได้ทำการเย็บบาดแผล 4 ชั้น เนื่องจากเป็นแผลขนาดใหญ่ นายศิริชัยจึงได้เดินทางกลับมามาเก็บข้าวของที่ร้าน เพื่อย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านแม่ชั่วคราว เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะผู้ก่อเหตุมีร้านอยู่ติดกัน ขณะที่ร้านคู่กรณีที่ขายเสื้อผ้ายังคงปิดประตูหน้าร้านล็อกกุญแจจากด้านนอก

นายศิริชัย เล่าให้ฟังว่า ในวันนั้นผู้ก่อเหตุเมาเหล้า แล้วก็มาหาเรื่องตนว่าเปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งตนก็เปิดเป็นปกติทุกวัน ขณะเกิดเหตุเขาพกมีดมาด้วย และก็วิ่งเข้ามาแทงตนถึงในร้าน ส่วนแฟนของตนก็โดนฟันที่แขนด้วย ส่วนสาเหตุก็ยังไม่แน่ชัด เพราะฝ่ายผู้ก่อเหตุมาขายของเลียนแบบ ตนขายอะไรเขาก็ขายอย่างนั้น แต่ที่แน่ ๆ เขามาหาว่าตนเปิดเพลงเสียงดัง 

นางสาวเดือนเพ็ญ กำไรทอง อายุ 32 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนเป็นคนทำมาค้าขาย อะไรที่ทำแล้วได้เงินก็ทำ และไม่อยากมีปัญหากับใคร ประเด็นเรื่องการขายลูกชิ้นเหมือนกัน และมีการตัดราคานั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องของเขา ตนไม่ได้ซีเรียสหรือเก็บมาใส่ใจ เพราะฐานลูกค้าตนก็มีอยู่แล้ว

แต่ที่เป็นปัญหาก็มีอยู่เรื่องเดียว คือ การเปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งตนมองว่าทุกคนอยู่ในสังคมส่วนรวมควรเกรงใจกันบ้าง และที่ผ่านมา ตนก็ไม่เคยไปหาเรื่องใคร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น แต่ในอีกมุมก็เข้าใจสามี คงจะหมดความอดทนแล้ว หากมีการดำเนินคดีก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย ครอบครัวของตนก็กำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร 

ทีมข่าวพูดคุยกับนายไกรษร สมรูป อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 5 ปี ซึ่งผู้บาดเจ็บเพิ่งจะเข้ามาอยู่ทีหลัง โดยแรก ๆ ก็ต่างคนต่างเกรงใจกัน แต่ภายหลังนางสาวสุภาพร มีพฤติกรรมปาร์ตี้ดื่มเหล้า และเปิดเพลงเสียงดังมาก ช่วงกลางวันตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ช่วงกลางคืนก็ไม่ควรเปิดเพลงดัง เพราะเป็นเวลาพักผ่อน บางครั้งเปิดตั้งแต่กลางคืนยันสว่าง ตนแจ้งเจ้าของที่พักไปหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังเหมือนเดิม และที่ไม่แจ้งตำรวจเพราะไม่อยากมีปัญหา ชาวบ้านในพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 64 ก็เคยมีปากเสียงทะเลาะกัน ด้วยสาเหตุเปิดเพลงเสียงดัง แต่ไม่ได้มีการกระทบกระทั่งกัน และตนก็ไม่ได้แจ้งความ กระทั่งครั้งนี้นางสาวสุภาพร อ้างว่าเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ส่วนนายศิริชัย ก็พูดท้าทาย ตนยอมรับว่าขณะนั้นอยู่ในอาการมึนเมา และหมดความอดทนเพราะฟังมานานกว่า 2 ปี ทำมาอาชีพค้าขายเหมือนกันก็น่าจะเข้าใจกันว่ากลางคืนนอนไม่ได้

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการขายยำลูกชิ้น ซึ่งนางสาวสุภาพร มาขายตามทีหลัง แต่ดันขายถูกกว่า โดยภรรยาตนขายลูกชิ้นนึ่งไม้ละ 10 บาท ยำฟรี ส่วนนางสาวสุภาพร ขายไม้ละ 5 บาท ยำฟรี ซึ่งตรงนี้ก็มองว่าเป็นสิทธิ์ของเขา แต่เปิดร้านข้างกันแบบนี้เป็นใครก็คิด

อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของตนมีรอยถลอกตามร่างกาย และศีรษะแตก ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว แต่สภาพจิตใจยังไม่ดี และขาดรายได้เพราะต้องปิดร้าน ตนยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดที่เข้าไปทำร้าย ตอนนี้รู้สึกเครียด และกังวลใจเรื่องคดีความ ตนก็อยากจะเจรจาหาทางออกร่วมกัน และอยากให้นางสาวสุภาพร เกรงใจและให้เกียรติเพื่อนบ้านบ้าง ซึ่งหากต้องถูกดำเนินคดี ตนก็ต้องยอมรับ แต่อยากให้สังคมเห็นใจ และรับรู้สิ่งที่ตนได้พบเจอและอดทนมานานกว่า 2 ปี