กรณีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค บก.ปคบ. ตรวจค้นสถานดูแลผู้สูงอายุไม่ได้มาตรฐาน โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร เปิดเป็นสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงมาแล้วกว่า 3 เดือน
เมื่อตรวจสอบยังพบว่าสถานดูแลดังกล่าว ได้เปิดเพจเฟซบุ๊กอ้างว่าดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ในอัตราค่าบริการเดือนละ 10,000-12,000 บาท ปัจจุบันมีผู้สูงอายุอยู่ในสถานดูแลดังกล่าวทั้งสิ้น 18 คน มีผู้ดูแล 6 คน เป็นชาวไทย 2 คน แรงงานต่างชาติ 4 คน เจ้าหน้าที่ระบุว่าลูกหลานที่นำผู้สูงอายุมาฝากไว้ที่สถานที่ดูแลแห่งนี้มักจะไม่ค่อยมีเวลาและกลับมาเยี่ยม
ล่าสุดวันที่ 19 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ พบเเป็นสถานพักฟื้นผู้สูงอายุ ลักษณะเหมือนห้องเช่า 14 ห้อง สูง 2 ชั้น ตั้งอยู่พื้นที่หลังโกดังติดถนนสุวินทวงศ์ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ บริเวณรอบข้างเต็มไปด้วยพงหญ้า
เมื่อทีมข่าวเดินทางเข้าไปถึง เจ้าหน้าที่จากกรมสนันสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และกลุ่มเส้นดาย เข้าช่วยเหลือในการประสานญาติ และส่งต่อผู้สูงอายุ ทั้งแบบที่ช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ที่อาศัยอยู่มากกว่า 20 คน เคลื่อนย้ายบางส่วนไปศูนย์พักฟื้นอื่นแล้ว
นายซาลีน อายุ 34 ปี ผู้ดูแลศูนย์พักฟื้นดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนทำงานที่นี่มาประมาณ 2 เดือน ช่วยดูแลผู้สูงอายุซึ่งป่วยหลายอาการ ทั้ง อัลไซมเมอร์ Heatstroke และตนก็ต้องช่วยดูแลและทำความสะอาด เครื่องสาธารณูปโภคบางอย่างชำรุด แต่ไม่ได้ซ่อมแซม ตนก็แจ้งไปยังเจ้าของศูนย์แล้ว แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
"กิจวัตรประจำวันช่วงเช้าผมจะเอาข้าวไปให้ที่ห้อง ตอนเช้าเป็นข้าวต้ม มื้อกลางวัน มื้อเย็น จะเป็นข้าวแกง และก็ไม่ทราบมาก่อนว่า ศูนย์จัดตั้งโดยไม่ถูกต้อง ผมเป็นแค่ลูกจ้างได้รับเงินเดือนหมื่นกว่าบาท ก็ทำตามหน้าที่ตัวเอง แต่ผมยอมรับว่าผมก็รู้สึกสงสารเหมือนกันผู้สูงอายุบางคน ที่ญาติก็ไม่ค่อยมาเยี่ยม" นายซาลีน กล่าวให้ฟัง
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวพูดคุยกับนางสาวหมวย (นามสมมติ) ญาติผู้พักฟื้น กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจหลังทราบข่าว เพราะตอนแรกที่ตนค้นหาที่พักฟื้นคนชราจากในเฟซบุ๊ก ไปพบสถานที่แห่งหนึ่งราคาเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งตนก็รับได้กับราคานี้ ตอนมาแรก ๆ ก็เห็นสภาพที่พักพอใช้ได้ถ้าเทียบกับราคา แต่ตนก็แจ้งไปยังผู้ดูแลว่า ไม่ควรเอาผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุมาอยู่ห้องเดียวกัน 2 คน หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้มาเยี่ยมแม่ แค่โทรศัพท์มาหาผู้ดูแลเพื่อพูดคุยกับแม่เท่านั้น
"พี่ไม่คิดว่า ในประเทศไทยจะมีการแอบอ้างเปิดสถานประกอบการที่ไม่ได้รับมาตรฐานแบบนี้ ซึ่งหลังจากนี้พี่คงพาแม่ไปอยู่บ้าน ในระหว่างที่พี่หาสถานพักฟื้นใหม่ทึ่ดีกว่านี้ให้แม่" นางสาวหมวย กล่าว
ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับนายชาย (นามสมมติ) อายุ 63 ปี ผู้พักฟื้น ให้สัมภาษณ์ว่า ตนป่วยเป็นโรค Heatstroke เดินไม่ค่อยได้ มีลูกสาว 3 คน แต่ก็ส่งให้มาอยู่ที่สถานพักฟื้นแห่งนี้นานกว่า 4 เดือน เพราะเมื่อก่อนพักฟื้นที่โรงพยาบาล ชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่ค่อนข้างลำบาก ตนอยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน ลูกสาวก็ไม่เคยมาเยี่ยมหรือติดต่อมา สภาพห้องพักก็ไม่สะอาด ท่อแตกน้ำไม่ไหลก็ไม่มีการซ่อม ทำให้ตนไม่ได้แปรงฟันนานกว่า 15 วันแล้ว ตอนนี้ตนอยากกลับบ้าน คิดถึงหลาน ๆ และอยากให้ลูกสาวมารับตน