กรณีเหตุคนร้ายบุกเข้าไปฉุดเด็กหญิงวัย 12 ปี ที่กำลังเฝ้าร้านขายต้นไม้เพียงลำพัง ในพื้นที่จ.กาญจนบุรี ไปกระทำชำเราในป่ารกหลังร้าน ก่อนเด็กหญิงคนดังกล่าวจะอาศัยจังหวะที่คนร้ายเผลอ วิ่งหนีกลับเข้าร้านและโทรศัพท์ไปหาพี่ชายเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้คนร้ายรีบวิ่งเข้าป่าหลบหนีไป
ล่าสุดวันที่ 17 ม.ค.65 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบเป็นร้านขายต้นไม้ ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองกาญจนบุรี รอบ ๆ บ้านเป็นป่ามันสำปะหลังนับร้อยไร่ ซึ่งเป็นรอยต่อกับพื้นที่ของภูเขา
ทีมข่าวได้พูดคุยกับแม่ของผู้เสียหาย อายุ 32 ปี กล่าวว่า ตนเพิ่งมาเช่าที่ขายต้นไม้ได้เพียง 2 เดือน กระทั่ง 2 วันที่ผ่านมา มีคนงานที่บ้านเห็นผู้ชายลักษณะเดียวกันกับที่ก่อเหตุ เดินเห็นหลังไว ๆ อยู่บริวเณหลังบ้าน แต่ก็คิดว่าแอบมาขโมยต้นไม้ จึงไม่เอะใจอะไร จากนั้นวันที่ 16 ม.ค.65 ตนต้องออกไปส่งต้นไม้ให้กับลูกค้า จึงมีเพียงลูกสาว อายุ 12 ปี ที่เฝ้าร้านเพียงลำพัง ตนก็ไม่ได้กังวลว่าลูกสาวจะถูกทำร้าย เพราะบ้านอยู่ติดริมถนนใหญ่
เวลา 15.30 น. ลูกสาวได้โทรศัพท์มาร้องไห้ "แม่มีผู้ชายมาอุ้มหนู" จากนั้นตนก็รีบกลับมาที่ร้าน เห็นสภาพลูกสาวร้องไห้อยู่ในบ้าน เนื้อตัวเปอะเปื้อน อยู่ในอาการหวาดผวา บริเวณใบหน้าและลำตัวมีร่องรอยเขียวช้ำจากการถูกทำร้าย ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าขณะกำลังนั่งเฝ้าร้าน จู่ ๆ มีชายคนหนึ่งใช้ผ้าโพกศีรษะเดินมาทางหลังร้าน เข้ามาตบที่ใบหน้า 1 ครั้ง และอุ้มตัวไปกระทำชำเราในป่า ห่างจากร้านประมาณ 20 เมตร
โดยที่ลูกสาวบอกว่า เป็นชายผิวดำแดง อายุ 30-40 ปี ส่วนสูง 165-170 ซม. มีรอยสักที่แขนข้างขวา ใส่เสื้อสีดำที่ใช้คลุมศีรษะ ตนจึงพาลูกสาวไปแจ้งความและพาไปตรวจร่างกาย ตอนนี้ลูกสาวอยู่ในอาการหวาดผวา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำภาพผู้ต้องสงสัยมาให้ชี้ตัว ประมาณ 4 คน เป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในสวนมันสำปะหลัง ใกล้ ๆ ร้านขายต้นไม้ แต่ลูกสาวของตนก็ยังยืนยันว่าไม่ใช่ทั้ง 4 คน
"ถ้าถามแม่ว่าสงสัยใคร แม่คิดว่าเป็นคนที่รู้ว่าน้องจะอยู่ร้านลำพังช่วงเวลาตอนไหน น่าจะเคยซุ่มดูอยู่แล้วหลายวัน ซึ่งก่อนหน้านี้คนงานที่บ้านก็เคยเห็นคนมาซุ่มอยู่หลังบ้าน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่คนงานที่บ้านอย่างแน่นอนค่ะ เพราะคนงานที่บ้านช่วงเวลาที่เกิดเหตุออกไปส่งของให้ลูกค้า" แม่ของผู้เสียหาย กล่าว
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณสวนมันสำปะหลัง ใกล้บ้านที่เกิดเหตุที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ทีมข่าวลงสำรวจพื้นที่พบเป็นสวนมันสำปะหลังสูง 2-3 เมตร มีเส้นทางหลบหนีได้หลายเส้นทาง จึงได้พบกับนายลำดวน พรมชาติ และนายเจ็ด ซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์ คนงานในไร่มันสำปะหลัง กล่าวว่า พวกตนทำงานขุดมันอยู่ที่นี่มานานแล้ว เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.65) ก็ทำงานขุดมันสำปะหลังอยู่ในไร่จนถึงช่วงเย็น ไม่พบคนร้ายหรือใครวิ่งหลบหนีมาทางนี้
ทีมข่าวจึงขออนุญาตให้ทั้ง 2 คนถอดเสื้อ เพื่อสำรวจร่องรอยต่าง ๆ ปรากฏว่านายลำดวน มีรอยสักที่แขนขวา ส่วนรอยขีดข่วนตามร่างกาย และแขนข้างซ้ายก็มีอยู่บ้าง เนื่องจากทำงานขุดมันถูกต้นมันสำปะหลังขีดข่วนอยู่แล้ว ส่วนนายเจ็ด ที่เป็นชาวเมียนมาร์ ก็ถอดเสื้อให้ทีมข่าวดู ปรากฏว่านายเจ็ด ก็มีรอยสักที่แขนข้างขวาและยังมีรอยสักทั่วทั้งตัว ส่วนรอยขีดข่วนก็มีเช่นกัน แต่ทั้ง 2 คนยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนลงมือกระทำชำเราเด็กอย่างแน่นอน
ทีมข่าวได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ว่าลูกน้องของผู้ใหญ่บ้าน นายภาณุวัฒน์ ห่วงทอง แจ้งให้ทราบว่า เวลา 18.00 น. พบกับคนที่คาดว่าเป็นคนร้าย สวมเสื้อสีดำ กางเกงขายาวสีน้ำตาล สวมหมวกไอ้โม่ง ร้องเท้าแตะ วิ่งลงมาจากเขา โดยนายภาณุวัฒน์ ขี่รถจักรยานมาพอดี จึงไล่ตาม แต่ชายคนดังกล่าววิ่งหนีเข้าป่าเร็วมาก จากนั้นจึงรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ
นายภานุวัฒน์ กล่าวว่า ตนเห็นชัดเจนว่าชายคนนี้มีรอยสักที่แขนขวา แต่ผู้ชายคนนี้ผิวไม่คล้ำมาก ผิวขาวเหลือง ตนยืนยันว่าไม่เคยพบเห็นชายคนนี้มาก่อน เพราะตนก็อาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 40 ปี ลักษณะท่าทางดูไม่เหมือนคนแถวนี้ และไม่แน่ใจว่าเป็นแรงงานต่างชาติหรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมทั้งตำรวจสอบสวนกลาง และกำลังของอาสา ผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงพื้นที่มายังจุดที่พบชายที่คาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายขืนใจน้องอายุ 12 ปี เพื่อปิดล้อมพื้นที่และไล่ล่าค้นหาภายในคืนนี้
นางสาวอ้อม (นามสมมติ) ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.65) ขณะที่ตนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ตนเห็นผู้ชายสวมเสื้อสีดำใส่ กางเกงสีน้ำตาล สวมหมวกไอ้โม่งสีกรม เดินผ่านมาบริเวณหน้าบ้าน คาดว่าน่าจะเป็นแรงงานทำสวนทำไร่ ผ่านไป 1 ชั่วโมง ตนก็เห็นชายคนนี้เดินกลับมาถือถุงใส่ของคล้ายกับว่าออกไปซื้อของข้างนอก คุยโทรศัพท์ แต่ไม่ใช่ภาษาไทย แต่ทุก ๆ วันก็มักจะเห็นกลุ่มแรงงานเดินผ่านไปผ่านมาหน้าบ้านตนเองอยู่แล้ว เพราะว่าแถวนี้จะมีแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวยังได้สอบถาไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.กาญจนบุรี ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ค้นหาเบาะแสคนร้าย ก็ยังไม่พบชายรูปพรรณสัณฐานตามที่ผู้เสียหายให้การไว้ ส่วนแรงงานในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ตำรวจได้มีการถ่ายรูปให้ผู้เสียหายชี้ตัวไปแล้วส่วนหนึ่ง ปรากฏว่ายังไม่ตรงกับข้อมูล แต่คาดว่าน่าจะเป็นคนใกล้ตัว เพราะคนร้ายพยายามปิดบังใบหน้า และไม่ยอมส่งเสียงร้องกลัวว่าเด็กจะจำเสียงได้ ในวันพรุ่งนี้ (18 ม.ค.65) จึงจะประชุมและวางแผนหาเบาะแสคนร้ายใหม่อีกครั้ง
