งานเข้าหมอเถื่อนแปะศิลาดูดมะเร็ง ย่องปิดหนีหลังถูกแฉ แม่ชีสูญเกือบล้านได้แค่หิน (คลิป)

7 ม.ค. 65

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.65 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกของนางเปรมฤดี คิม หรือ เติ้ล นำโดยนายชาตรี พิญใย นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาพร้อมเจ้าหน้าที่ประมาณ 5 คน พบว่าคลินิกดังกล่าวจดทะเบียนได้รับอนุญาตจริง ปรากฎใบอนุญาตเลขที่ 10108002164 ในลักษณะสถานพยาบาลคลินิกการแพทย์แผนไทย และใบอนุญาตฉบับนี้ สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2573

643699

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่และทีมข่าวเดินทางมาถึง กลับพบว่าคลินิกปิด สังเกตดูพบว่าคลินิกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นตัวคลินิกต้อนรับและให้การรักษาผู้ป่วย และถัดไปประมาณ 300 เมตร เป็นห้องสำหรับพักผู้ป่วยหลังเข้ารับการรักษา แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีใบอนุญาตแค่ 1 ใบ คือ ส่วนที่เป็นคลินิก แต่ห้องพักผู้ป่วยไม่มีใบอนุญาต ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องโทรศัพท์ไปสอบถามกับนางเปรมฤดี เจ้าของคลินิก

257453

โดยนางเปรมฤดี กล่าวชี้แจงผ่านโทรศัพท์ว่า ตนได้จดทะเบียนขอใบอนุญาตแค่ 1 ฝั่ง เพราะอีกฝั่งเอาไว้สำหรับพักฟื้นผู้ป่วยเท่านั้น เป็นลักษณะห้องหัตถการสำหรับอบเกลือบำบัด ไม่ได้เปิดเป็นคลินิก จึงไม่รู้ว่าต้องจดทะเบียนขอใบอนุญาตด้วย เพราะตัวคลินิกค่อนข้างแคบ ผู้ป่วยไม่ค่อยสะดวกต่อการพักฟื้น จึงต้องเช่าพื้นที่เพิ่มเติมดังกล่าวที่ไม่มีใบอนุญาต และวันนี้ตนได้เดินทางไปแจ้งปิดกิจการคลินิกถาวรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

576013236998

นายชาตรี จึงได้แจ้งกลับว่า เบื้องต้น สธ.ยังไม่อนุมัติแจ้งปิดกิจการ เนื่องจากมีหลายอย่างที่ไม่ถูกต้อง ทั้งรูปแบบคลินิกที่มี 2 ฝั่ง แต่มีใบอนุญาตแค่ฝั่งเดียว รวมถึงข่าวที่มีผู้ป่วยออกมาร้องเรียนค่าใช้จ่ายแพงมหาศาล หลังจากนี้จึงจะมีทำหนังสือเชิญเจ้าของคลินิกและพนักงานเข้ามาสอบสวนโดยเร็วที่สุด

521777

นายชาตรี ให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล พบว่าคลินิกดังกล่าวจดทะเบียนในลักษณะสถานพยาบาลคลินิกการแพทย์แผนไทย แต่ด้วยวิธีการรักษาตามที่ปรากฏในข่าวเป็นลักษณะของการแพทย์แผนโบราณ และมีการจดทะเบียนแค่ฝั่งเดียว ทั้ง ๆ ที่ทั้ง 2 ฝั่งมีการปฎิบัติงานเชื่อมโยงกัน ดังนั้นหากตรวจสอบแล้วพบว่าฝั่งที่ไม่ได้ขอใบอนุญาต มีการกระทำประกอบวิชาชีพภายใน ก็ถือว่าส่วนนี้เป็นคลินิกเถื่อนทันที

716305

ทั้งนี้ ตามมาตรฐานสภาการแพทย์แผนไทย จะมีประกาศตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ระบุว่า ห้ามทำการโฆษณาเกี่ยวกับโรคมะเร็ง เนื่องจากตามกฎหมายห้ามโฆษณาว่ามียาที่สามารถรักษาโรคมเร็งหายขาด เนื่องจากยังไม่มีหลักวิชาการใด ๆ บนโลกใบนี้ยืนยันเช่นนั้น แต่จากที่ตรวจสอบพบว่าหน้าคลินิกมีป้ายโฆษณาเขียนระบุเกี่ยวกับโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ ชัดเจนมาก ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ในฉบับที่ 4 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2559 เป็นต้นมา มีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา และทั้งนี้สธ. จะนำเรื่องนี้ส่งสภาการแพทย์แผนไทย เพื่อพิจารณาทางด้านจริยธรรมด้วย

ต่อมาทีมข่าวจึงเดินทางไปยังรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในเขตพื้นที่ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่ที่คลินิกส่งผู้เข้ารับการรักษาไปพักฟื้น แต่ทางรีสอร์ตไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ แจ่้งเพียงว่ารีสอร์ตไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่รู้จักกับเจ้าของคลินิก แต่เนื่องจากคลินิกติดต่อมาในฐานะผู้เช่า ก็เลยต้องให้บริการ

930928

หลังจากนั้น เวลาประมาณ 18.00 น. หนึ่งในผู้เสียหายอีกรายที่จ่ายเงินเกือบ 1 ล้านบาทให้กับคลินิกเพื่อเข้ารับการรักษามะเร็งเต้านม ทราบชื่อ “แม่ชีไก่” (นามสมมติ) เดินทางมาที่ สน.ศาลาแดง เพื่อเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับแม่ชีไก่ กล่าวว่า ตนป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมและลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ประมาณ 3 ปีแล้ว แต่เดิมทีก็รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ใหญ่ที่ตนเคารพแนะนำให้ลองรักษากับคลินิกดังกล่าว ตนก็เลยเชื่อและตัดสินใจลอง

839792

หลังจากนั้นเมื่อตนเข้ารับการรักษา 1 เดือนกว่า ๆ ผลที่ออกมาคือไม่ดีขึ้น แต่กลับแย่ลงเรื่อย ๆ มีอาการเจ็บปวด อักเสบบริเวณเต้านมจนถึงปัจจุบัน จากนั้นตนจึงเดินทางไปพบกับแพทย์แผนปัจจุบัน กลายเป็นว่าแพทย์วินิจฉัยออกมาว่าเต้านมอักเสบเนื่องจากใช้หินประกบ และแนะนำให้ผ่าตัด แต่ก่อนผ่าตัดตนก็ต้องรักษาอาการอักเสบให้ดีขึ้นเสียก่อน

898667

สำหรับมูลค่าเงินที่ตนจ่ายให้กับคลินิก รวมแล้วทั้งสิ้น 976,000 บาท แบ่งเป็นค่ารักษา 736,000 บาท และ 240,000 บาทเป็นค่าก้อนหิน 5 ก้อนที่ตนซื้อแยก ตกแล้วก้อนละ 49,200 บาท โดยมีการแบ่งจ่ายทั้งหมด 3 ครั้ง ในครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม 64 จำนวน 350,000 บาท ต่อมาครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 ธันวาคม 64 จำนวน 470,000 บาท และครั้งที่ 3 วันที่ 28 ธันวาคม 64 จำนวน 156,000 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตที่ตนตั้งใจเก็บไว้ใช้บั้นปลายชีวิตหลังเกษียณ

190159

"แล้ววันนี้ทางคลินิกก็โอนเงินคืนมาให้แล้วส่วนหนึ่ง 736,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 240,000 บาท คลินิกบอกว่าหากคืนก้อนหินครบ 5 ก้อนก็จะคืนให้ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันก้อนหินอยู่กับแม่ชี 3 ก้อน อีก 2 ก้อนส่งให้อ.อ๊อด ไปตรวจสอบอยู่ วันนี้ที่แม่ชีเดินทางเข้ามาแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงนั้น เพราะสรรพคุณที่คลินิกอวดอ้างว่าจะหายภายในจำนวนวันที่ระบุมันไม่เป็นความจริง แม่ชีก็อยากให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับสังคมว่าควรมีวิจารณญาณและตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือรีวิวให้ดี ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินมหาศาล" แม่ชีไก่ กล่าว 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส