เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 04.06 น. ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ความลึก 10 กิโลเมตร บริเวณประเทศลาว ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านน้ำช้าง ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ประมาณ 20 กิโลเมตร เบื้องต้นได้รับรายงานความรู้สึกสั่นไหวเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนแตกตื่นกันทั้งเมือง
หลังจากนั้น ชาวบ้านต่างแชร์ความรู้สึกผ่านโชเชียลมีเดียกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองน่าน ตำรวจภูธรเมืองน่านรับรายงานว่ามีสัญญาณเตือนภัยเกิดขึ้นที่ธนาคารกรุงเทพ ถนนสุมนเทวราช จึงรุดไปตรวจสอบแต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนโรงแรม ในเขตตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน เขตเทศบาลเมืองน่าน บริเวณชั้น 3 รู้สะเทือนไปทั้งชั้น และสิ่งก่อสร้างที่เป็นตึกผู้คนต่างตกใจเตรียมที่จะออกจากพื้นที่หากมีเกิดขึ้นซ้ำ และหลายพื้นที่กำลังเฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อกที่จะตามมา
นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยนายวรวิทย์ อินต๊ะใจ รักษาการณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน และนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ออกสำรวจโบราณสถานสำคัญ สิ่งก่อสร้างที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว โดยเริ่มสำรวจที่อุโบสถวัดภูมินทร์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน หัวแหวนเขตเมืองเก่าน่าน วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพระธาตุแช่แห่ง พระอารามหลวง ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง ที่กำลังอยู่ระหว่างการบูรณะ และวัดพระธาตุเขาน้อย ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน
นายชัยนรงค์ กล่าวว่า จากการออกสำรวจโบราณสถานสำคัญ ที่วัดภูมินทร์ เป็นวัดที่มีอายุหลายร้อยปี โดยรอบมีรอยแตกร้าวหลายจุด ทั้งภายนอกและภายในตัวพระวิหาร โดยมีความเสียหายเบื้องต้นดังนี้องค์พระพุทธรูปบริเวณเข่าข้อมือมีรอยแตกร้าวเพิ่มเติม แผ่นกระเบื้องหลังคาของอุโบสถหลุด นอกจากนั้นยังมีที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน วัดพระธาตุเขาน้อย ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน จ.น่าน และวัดพระธาตุแช่แห้งอารามหลวงตำบลม่วงตึ้ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
ขณะเดียวกัน ยังได้ให้สถานศึกษา และสถานที่ที่เป็นตึกสำรวจผลกระทบที่ได้รับจากแผ่นดินไหวครั้งนี้แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายเพิ่มเติมแต่อย่างใด พร้อมทั้งฝากเตือนเจ้าของอาคารขนาดใหญ่ และผู้ที่จะสร้างอาคารขนาดใหญ่ให้คำนึงถึงการสร้างที่สามารถป้องกันแผ่นดินไหวได้ด้วย เนื่องจากจากช่วงนี้แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจในอ.ปัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอำเภอในจังหวัดน่าน มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย อย่างบ้านบ้านดอนไช หมู่ 3 ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน มีบ้านเรือนกว่า 100 หลังคาเรือนพบบ้านเรือนของนายเกียรติ์ ทีฆาวงค์ อายุ 52 ชาวบ้านหมู่บ้านดอนไชที่มีบ้านตัวเอง และญาติ ๆ อยู่ในรั้วเดียวกัน 4 หลัง แบ่งเป็นหลังไม้เก่า 1 หลังได้รับควาทเสียหายเล็กน้อยในส่วนของกำแพงปูน หลังที่ 2 เป็นบ้านปูน 2 ชั้นของน้องสาวพบเสียหายหนักในบริเวณห้องครัวกำแพงปูนแยกตัวกว้างกว่า 1 นิ้ว และหลังที่ 3 ของนายเกียรติ์ ผนังบ้านแตกและกระเบื้องในห้องน้ำร้าวเสียหาย
นายเกียรติ์ เปิดเผยว่า ขระแผ่นดินไหวเป็นช่วงเวลาที่ตนตื่นนอนพอดี รับรู้ถึงแรงสั่นรุนแรงมาก และตกใจ นับได้ประมาณ 10 วินาทีก็สงบลง จากนั้นตนจึงเดินสำรวจบ้านพบบ้านน้องสาวเสียหายหนักที่สุด กระทั่งช่วงเช้าได้รับข่าวจากนายอำเภอให้สำรวจความเสียหาย ตนจึงรีบสำรวจพบเสียหายไป 3 หลัง แม้ไม่มากแต่ประเมินคราว ๆ ก็หลักหมื่นบาท แต่ที่เจ็บซ้ำคือปี 63 มีเหตุแผ่นดินไหวในช่วงเวลาใกล้เคียงกับปี 64 บ้านไม้ของตนยังไม่ซ่อมเลย
"เหตุเกิดขึ้นทุกปี แต่ไม่มีการแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าเลย ก็อยากจะฝากเรื่องระบบการแจ้งเตือน ซึ่งหากอนาคตแผ่นดินรุนแรงกว่านี้ ประชาชนอาจได้รับอันตราย อย่างน้อยถ้ามีการแจ้งเตือน ชาวบ้านจะได้เตรียมตัว" นายเกียรติ์ กล่าวให้ฟัง
ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ป๋าโจ้รักเด็ก ธงชัย ภัยชำนาญ" โพสต์ภาพวงจรปิดนาทีแผ่นดินไหว พร้อมระบุข้อความว่า "ตื่นขึ้นมาเห็นมีแต่คนโพสต์ว่าน่านแผ่นดินไหวแรงมาก กูไม่เชื่อเลยยกขึ้นดูกล้องวงจรปิดดู??? เฮ้ยกูหลับหรือซ้อมตายว่ะ! สาบานกูไม่รู้สึกเลยตอนแผ่นดินไหว คือบ้านกรงนกอะไรสั่นหมดเลย"
ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "วรนิษฐา อุ่นเรือน" โพสต์คลิปวิดีโอวงจรปิดหน้าบ้าน และในร้าน ปรากฎแรงสั่นสะเทือนเช่นเดียวกัน พร้อมระบุว่า “คุยกับเขาบ่รู้เรื่องแต้น้อ บ่รู้เลยว่าเกิดแผ่นดินไหว”
นางมัศยา ดีกัลลา อายุ 60 ปี ชาวบ้านหมู่บ้านดอนไช ซึ่งบ้านได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่เป็นฝ้า - เพดานบริเวณชั้น 2 ทั้ง 3 ห้องนอน เปิดเผยว่า ขณะเกิดแผ่นดินไหวตนยังนอนหลับอยู่ แต่ก็สะดุ้งตื่นเพราะตกใจมาก สามีบอกตนว่า "แมวไล่กัน" แต่ตนจำได้เมื่อปี 63 เกิดแผ่นดินไหวถึง 3 ครั้งในวันเดียว "6 โมงเช้า 9 โมงเช้า และ 4 โมงเย็น" แต่บ้านของตนไม่ได้รับความเสียหาย
"ปีนี้สั่นรอบเดียวแต่หนักมาก ทำฝ้าและเพดานบ้านร้าวทั้ง 3 ห้องนอน จริง ๆ ความเสียหายเล็กน้อย ไม่ได้ขอความช่วยเหลืออะไร แต่หลังจากนี้ขอแค่มีระบบแจ้งเตือนดีกว่านี้ ชาวบ้านจะได้รู้เรื่องหน้า เพราะกลัวว่าถ้าสั่นหนักกว่านี้บ้านทุกหลังคงแย่" นางมัศยา กล่าวทิ้งท้าย
