เดือด! ด่าพริตตี้ซิ่งชนพ่อค้าไก่ตาย ญาติฉะคนไม่ใช่หมา จี้ถามหนีไปไหน 5 วัน (คลิป)

11 ธ.ค. 64

จากกรณีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพรถยนต์ HRV สีดำ ซึ่งมาด้วยความเร็วตลอดเส้นทาง ถนนพหลโยธินขาออก กระทั่งไปชนคนที่ยืนอยู่บริเวณหลังรถหน้าตลาดยิ่งเจริญสะพานใหม่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิตก็คือ นายไพรัตน์ สุขสว่าง อายุ 57 ปี มีอาชีพขับรถรับส่งของ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.08 น. ของวันที่ 4 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา และนายไพรัตน์ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ในวันที่ 5 ธ.ค.64

958440

โดยตั้งแต่เกิดเรื่องทางญาติได้ไปขอกล้องวงจรปิดที่ตลาดยิ่งเจริญ นำไปโพสต์ในกลุ่มสะพานใหม่ เพื่อหาตัวคนขับรถยนต์คันดังกล่าว

109694

ล่าสุด วันที่ 11 ธ.ค. 64 ช่วง 12.00 น.ทีมสายไหมต้องรอด ก็ได้พา น.ส.เชอรี่ สาวพริตตี้ เดินทางไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวนของ สน.บางเขน เจ้าของคดีนี้ โดยวันนี้ทางตำรวจได้นำรถ HRV สีดำทะเบียน 3 กส 5854 กรุงเทพ ของ น.ส.เชอรี่ ที่ชนคนตายในวันเกิดเหตุ มาให้ทางประกันตรวจสอบเทียบกับรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1 ฒร 5210 กรุงเทพ ของนายไพรัตน์ ซึ่งสภาพรถของ น.ส.เชอรี่และรถของนายไพรัตน์ ยังมีร่องรอยชนในวันเกิดเหตุ

622476

เบื้องต้น ตำรวจได้ปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.เชอ รี่เนื่องจากเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง โดยไม่ได้ถูกออกหมายจับ แต่ได้แจ้ง 3 ข้อหาคือ 1.ขับรถประมาทเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.ขับรถประมาทเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย 3.หลบหนีไม่ให้การช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ

562211

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม กล่าวว่า ก่อนอื่นตนต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต วันนี้ตนเองจะพาผู้ต้องหาไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เนื่องจากทางครอบครัวผู้เสียชีวิต และครอบครัวผู้ก่อเหตุ ต่างก็เป็นลูกบ้านในพื้นที่เขตสายไหม และทางครอบครัวผู้เฉี่ยวชนได้ติดต่อมาทาง เพจสายไหมต้องรอด ขอให้ช่วยพาผู้ที่เฉี่ยวชนเข้ามอบตัว

ในเบื้องต้น ตนได้สอบถามเหตุการณ์ในคืนวันดังกล่าว โดยผู้ก่อเหตุเล่าว่าขับรถอยู่เลนกลาง วิ่งมาตามถนนพหลโยธิน ขาออกตามปกติเพื่อที่จะกลับบ้านที่สายไหม เมื่อขับมาใกล้ถึงหน้าตลาดยิ่งเจริญ สังเกตเห็นรถยนต์กระบะวิ่งอยู่เลนกลางด้านหน้า ตนจึงชะลอรถ แต่เมื่อขับเข้ามาใกล้ถึงพบว่ารถคันดังกล่าวไม่ได้ขับอยู่แต่จอดนิ่งอยู่กลางถนน จึงพยายามหักหลบ ทำให้กระจกรถด้านซ้ายไปเฉี่ยวชนกับรถกระบะคันดังกล่าว แต่ด้วยความตกใจประกอบกับตนขับรถมาเพียงลำพังคนเดียว จึงไม่กล้าหยุดรถลงมาดู หลังเกิดเหตุได้กลับมาที่บ้านและเล่าเรื่องให้แม่ฟัง ส่วนรถคู่กรณีที่มีการเฉี่ยวชน เดี๋ยวแม่จะพาไปที่ สน.บางเขน เพื่อตรวจสอบว่ามีการลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไว้หรือไม่ หากมีก็จะให้ทางบริษัทประกันมาเจรจาพูดคุย

560531

โดยก่อนที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และทีมงานเพจสายไหมต้องรอด จะพาหญิงสาวที่ขับรถชน นายไพรัตน์ ผู้ตาย ไปมอบตัวที่ สน.บางเขน นายเอกภพ ได้พา น.ส.เชอรี่ (นามสมมติ) สาวพริตตี้ อายุ 30 ปี คนขับเก๋งสีดำที่ทางญาติตามหาไปขอขมาศพนายไพรัตน์ ต่อหน้าญาติ ๆ ที่วัดหนองผักชี ในซอยพหลโยธิน 52 เขตสายไหม กรุงเทพฯ

913063

โดยเมื่อ น.ส.เชอรี่ เดินทางไปถึง ก็ได้นำพวงมาลัยไปก้มกราบศพ ของนายไพรัตน์ด้วยสีหน้ากังวลใจ มีทางญาติของนายไพรัตน์ ยืนดูการกราบขอขมา จากนั้น น.ส.เชอรี่ ก็ได้ยกมือไหว้ขอขมากับ นางน้ำทิพย์ สุขสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ภรรยาของนายไพรัตน์ และลูกชาย บรรยากาศในช่วงนี้เป็นไปด้วยความตึงเครียด

น.ส.เชอรี่ อธิบายว่า วันนี้ตัวเองตั้งใจมาขอขมาศพก่อนจะไปมอบตัวกับตำรวจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่ได้ตั้งใจ วันเกิดเหตุไม่รู้จริง ๆ ว่าขับรถชนคน คิดว่าชนแค่รถ ตกใจจึงไม่ได้จอดรถลงไปดู วันนี้ที่มากราบขอขมาเพราะสำนึกผิด ทางนางน้ำทิพย์ก็เอาแต่ร้องไห้ และบอกว่าจะอโหสิกรรมให้ แต่เรื่องคดีต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

309774

ขณะเดียวกันหลังจากการขอขมาเสร็จสิ้น ทาง น.ส.เชอรี่ ก็ได้มีการไปกราบขอขมาศพอีกครั้ง ก่อนจะไปมอบตัวกับตำรวจ แต่บรรยากาศช่วงนี้เกิดเหตุการวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากทางญาติของผู้ตายไม่พอใจที่วันเกิดเหตุ น.ส.เชอรี่ ไม่ยอมจอดรถลงมาดูดำดูดีผู้ตาย ทางญาติของผู้ตายได้ถาม น.ส.เชอรี่ อย่างเสียงดังลั่นวัดว่า "สำนักผิดบ้างไหม คนนะไม่ใช่หมา คุณไม่รู้ตัวบ้างเลยหรอ วันเกิดเหตุคุณเมาใช่ไหม คุณมีสติไหมในตอนเกิดเหตุ จิตใจคุณทำด้วยอะไร ทำไมคุณไม่จอดรถลงไปดู" น.ส.เชอรี่ ก็พยายามอธิบาย อย่างใจเย็นว่า "หนูไม่รู้จริง ๆ ว่าชนคน หนูหักหลบแล้ว" จากนั้นทีมสายไหมต้องรอดต้องพา น.ส.เชอรี่ ออกจากวัด

324312

นางน้ำทิพย์ สุขสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ภรรยาของผู้ตาย เดินทางตามมาที่โรงพัก บอกว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากทางญาติว่าสามีถูกรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากขับรถไปส่งไก่ที่หน้าตลาดสะพานใหม่ ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก จากนั้นจึงตามไปดูอาการสามีที่โรงพยาบาล พอไปเจอสามีก็ได้สอบถามในขณะที่ยังมีสติอยู่ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างไร สามีก็บอกเพียงว่าเจ็บหน้าอก จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนชน จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง ทางแพทย์ได้แจ้งว่าสามีเสียชีวิตแล้ว

ตนเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งวันนี้ก็รู้สึกดีใจที่คนชนเข้ามารับผิดด้วยการขอขมา ยอมรับว่าตอนแรกเสียใจที่คนขับไม่ยอมเข้ามาแสดงความรับผิดชอบ ถึงตอนนี้ก็ขออโหสิกรร มและก็คงจะปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส