จากกรณีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพรถยนต์ HRV สีดำ ซึ่งมาด้วยความเร็วตลอดเส้นทาง ถนนพหลโยธินขาออก กระทั่งไปชนคนที่ยืนอยู่บริเวณหลังรถหน้าตลาดยิ่งเจริญสะพานใหม่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิตก็คือ นายไพรัตน์ สุขสว่าง อายุ 57 ปี มีอาชีพขับรถรับส่งของ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.08 น. ของวันที่ 4 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา และนายไพรัตน์ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ในวันที่ 5 ธ.ค.64
โดยตั้งแต่เกิดเรื่องทางญาติได้ไปขอกล้องวงจรปิดที่ตลาดยิ่งเจริญ นำไปโพสต์ในกลุ่มสะพานใหม่ เพื่อหาตัวคนขับรถยนต์คันดังกล่าว
ล่าสุด วันที่ 11 ธ.ค. 64 ช่วง 12.00 น.ทีมสายไหมต้องรอด ก็ได้พา น.ส.เชอรี่ สาวพริตตี้ เดินทางไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวนของ สน.บางเขน เจ้าของคดีนี้ โดยวันนี้ทางตำรวจได้นำรถ HRV สีดำทะเบียน 3 กส 5854 กรุงเทพ ของ น.ส.เชอรี่ ที่ชนคนตายในวันเกิดเหตุ มาให้ทางประกันตรวจสอบเทียบกับรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1 ฒร 5210 กรุงเทพ ของนายไพรัตน์ ซึ่งสภาพรถของ น.ส.เชอรี่และรถของนายไพรัตน์ ยังมีร่องรอยชนในวันเกิดเหตุ
เบื้องต้น ตำรวจได้ปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.เชอ รี่เนื่องจากเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง โดยไม่ได้ถูกออกหมายจับ แต่ได้แจ้ง 3 ข้อหาคือ 1.ขับรถประมาทเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.ขับรถประมาทเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย 3.หลบหนีไม่ให้การช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม กล่าวว่า ก่อนอื่นตนต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต วันนี้ตนเองจะพาผู้ต้องหาไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เนื่องจากทางครอบครัวผู้เสียชีวิต และครอบครัวผู้ก่อเหตุ ต่างก็เป็นลูกบ้านในพื้นที่เขตสายไหม และทางครอบครัวผู้เฉี่ยวชนได้ติดต่อมาทาง เพจสายไหมต้องรอด ขอให้ช่วยพาผู้ที่เฉี่ยวชนเข้ามอบตัว
ในเบื้องต้น ตนได้สอบถามเหตุการณ์ในคืนวันดังกล่าว โดยผู้ก่อเหตุเล่าว่าขับรถอยู่เลนกลาง วิ่งมาตามถนนพหลโยธิน ขาออกตามปกติเพื่อที่จะกลับบ้านที่สายไหม เมื่อขับมาใกล้ถึงหน้าตลาดยิ่งเจริญ สังเกตเห็นรถยนต์กระบะวิ่งอยู่เลนกลางด้านหน้า ตนจึงชะลอรถ แต่เมื่อขับเข้ามาใกล้ถึงพบว่ารถคันดังกล่าวไม่ได้ขับอยู่แต่จอดนิ่งอยู่กลางถนน จึงพยายามหักหลบ ทำให้กระจกรถด้านซ้ายไปเฉี่ยวชนกับรถกระบะคันดังกล่าว แต่ด้วยความตกใจประกอบกับตนขับรถมาเพียงลำพังคนเดียว จึงไม่กล้าหยุดรถลงมาดู หลังเกิดเหตุได้กลับมาที่บ้านและเล่าเรื่องให้แม่ฟัง ส่วนรถคู่กรณีที่มีการเฉี่ยวชน เดี๋ยวแม่จะพาไปที่ สน.บางเขน เพื่อตรวจสอบว่ามีการลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไว้หรือไม่ หากมีก็จะให้ทางบริษัทประกันมาเจรจาพูดคุย
โดยก่อนที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และทีมงานเพจสายไหมต้องรอด จะพาหญิงสาวที่ขับรถชน นายไพรัตน์ ผู้ตาย ไปมอบตัวที่ สน.บางเขน นายเอกภพ ได้พา น.ส.เชอรี่ (นามสมมติ) สาวพริตตี้ อายุ 30 ปี คนขับเก๋งสีดำที่ทางญาติตามหาไปขอขมาศพนายไพรัตน์ ต่อหน้าญาติ ๆ ที่วัดหนองผักชี ในซอยพหลโยธิน 52 เขตสายไหม กรุงเทพฯ
โดยเมื่อ น.ส.เชอรี่ เดินทางไปถึง ก็ได้นำพวงมาลัยไปก้มกราบศพ ของนายไพรัตน์ด้วยสีหน้ากังวลใจ มีทางญาติของนายไพรัตน์ ยืนดูการกราบขอขมา จากนั้น น.ส.เชอรี่ ก็ได้ยกมือไหว้ขอขมากับ นางน้ำทิพย์ สุขสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ภรรยาของนายไพรัตน์ และลูกชาย บรรยากาศในช่วงนี้เป็นไปด้วยความตึงเครียด
น.ส.เชอรี่ อธิบายว่า วันนี้ตัวเองตั้งใจมาขอขมาศพก่อนจะไปมอบตัวกับตำรวจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่ได้ตั้งใจ วันเกิดเหตุไม่รู้จริง ๆ ว่าขับรถชนคน คิดว่าชนแค่รถ ตกใจจึงไม่ได้จอดรถลงไปดู วันนี้ที่มากราบขอขมาเพราะสำนึกผิด ทางนางน้ำทิพย์ก็เอาแต่ร้องไห้ และบอกว่าจะอโหสิกรรมให้ แต่เรื่องคดีต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย
ขณะเดียวกันหลังจากการขอขมาเสร็จสิ้น ทาง น.ส.เชอรี่ ก็ได้มีการไปกราบขอขมาศพอีกครั้ง ก่อนจะไปมอบตัวกับตำรวจ แต่บรรยากาศช่วงนี้เกิดเหตุการวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากทางญาติของผู้ตายไม่พอใจที่วันเกิดเหตุ น.ส.เชอรี่ ไม่ยอมจอดรถลงมาดูดำดูดีผู้ตาย ทางญาติของผู้ตายได้ถาม น.ส.เชอรี่ อย่างเสียงดังลั่นวัดว่า "สำนักผิดบ้างไหม คนนะไม่ใช่หมา คุณไม่รู้ตัวบ้างเลยหรอ วันเกิดเหตุคุณเมาใช่ไหม คุณมีสติไหมในตอนเกิดเหตุ จิตใจคุณทำด้วยอะไร ทำไมคุณไม่จอดรถลงไปดู" น.ส.เชอรี่ ก็พยายามอธิบาย อย่างใจเย็นว่า "หนูไม่รู้จริง ๆ ว่าชนคน หนูหักหลบแล้ว" จากนั้นทีมสายไหมต้องรอดต้องพา น.ส.เชอรี่ ออกจากวัด
นางน้ำทิพย์ สุขสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ภรรยาของผู้ตาย เดินทางตามมาที่โรงพัก บอกว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากทางญาติว่าสามีถูกรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากขับรถไปส่งไก่ที่หน้าตลาดสะพานใหม่ ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก จากนั้นจึงตามไปดูอาการสามีที่โรงพยาบาล พอไปเจอสามีก็ได้สอบถามในขณะที่ยังมีสติอยู่ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างไร สามีก็บอกเพียงว่าเจ็บหน้าอก จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนชน จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง ทางแพทย์ได้แจ้งว่าสามีเสียชีวิตแล้ว
ตนเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งวันนี้ก็รู้สึกดีใจที่คนชนเข้ามารับผิดด้วยการขอขมา ยอมรับว่าตอนแรกเสียใจที่คนขับไม่ยอมเข้ามาแสดงความรับผิดชอบ ถึงตอนนี้ก็ขออโหสิกรร มและก็คงจะปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมาย