กรณีครอบครัวหนึ่งในพื้นที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ร้องเรียนสื่อมวลชนว่าได้รับความเดือดร้อน จากการถูกอาจารย์วิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ ข่มขู่คุกคาม ไล่ครอบครัวออกจากที่ดินที่อยู่อาศัย เนื่องจากเอาที่ดินไปจำนองกับอาจารย์คนดังกล่าว แล้วไม่มีเงินไปไถ่ถอนคืน จนถูกฟ้องร้องขึ้นศาล ตอนนี้เกิดอาการเครียดอย่างมาก
นายวิชิต อายุ 70 ปี, นางจุ่น อายุ 55 ปี ภรรยา และ น.ส.กัญญา อายุ 47 ปี ลูกสาว รวม 3 คน เตรียมเชือกที่จะผูกคอตายลาโลกพร้อมกัน เพราะหาทางออกไม่ได้ อีกทั้งบ้านหลังดังกล่าวมีลูกหลานอาศัยอยู่ 12 ชีวิต ยังไม่ทราบว่าจะไปอยู่ที่ไหนนั้น
ล่าสุด วันที่ 6 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านหมู่ที่ 10 ตำบลหนองหญ้าขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว
นายวิชิต โฉสูงเนิน อายุ 70 ปี เล่าว่า เมื่อปี 2559 ตัวเองป่วยเป็นโรคหัวใจ ไป รพ. แพทย์ได้นัดผ่าตัดเพื่อทำบอลลูนหัวใจ แต่ไม่มีเงินไปผ่าตัด ตัวเองจึงนำโฉนดที่ดิน จำนวน 1 งาน ไปจำนองกับอาจารย์ท่านหนึ่งชื่อว่าอาจารย์โต้ง (นามสมมติ) ในราคา 200,000 บาท ซึ่งอาจารย์โต้งหักค่าดอกเบี้ยก้อนแรก 50,000 บาท ทำให้ตัวเองได้เงินมารักษาอาการป่วย และดูแลครอบครัว 150,000 บาท
โดยอาจารย์คนดังกล่าวให้ตนเองเซ็นในสัญญาและต้องได้จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน โดยสัญญาเอกสารหลักฐานทุกอย่างอาจารย์คนดังกล่าวเก็บไว้ทั้งหมด ช่วงแรกตัวเองจ่ายค่าดอกเบี้ยประมาณ 7,000-10,000 บาทต่อเดือน กระทั่งระยะหลัง ที่เป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตัวเองมีขาดส่งดอกเบี้ยบ้าง
กระทั่งเมื่อต้นปี 2564 อาจารย์โต้งบอกกับตัวเองว่าตัวเองขาดส่งดอกเบี้ย แล้วให้ตัวเองย้ายออกจากที่ดินผืนดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้ ถ้าตัวเองอยากอยู่ที่ดินผืนดังกล่าว และอยากได้โฉนดกลับคืนมา ต้องหาเงิน 500,000 บาทมาให้เขา ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองพยายามต่อรองให้เขาลดเหลือแค่ 400,000 บาท แต่เขาก็ไม่ยอม
นายวิชิต เล่าต่อว่า ที่ตัวเองและครอบครัวตัดสินใจจะผูกคอตายนั้น เพราะว่าอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ทางออกมันตันไปหมดแล้ว ตัวเองก็ไม่รู้ว่าถ้าตัวเองถูกให้ออกจากที่ดินผืนนี้แล้ว ครอบครัวตัวเองจะไปอยู่ที่ไหน
ด้านอาจารย์โต้ง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมคม 2559 คู่กรณีได้นำโฉนดที่ดินมาทำสัญญากับตนเอง โดยไปทำเรื่องกันที่กรมที่ดิน อำเภอสีคิ้ว เป็นสัญญาขายฝาก จำนวน 300,000 บาท โดยในสัญญาระบุให้มาไถ่ถอนคืนภายในระยะเวลา 1 ปี จากนั้นวันที่ 24 สิงหาคม 2559 คู่กรณีมาขอเงินเพิ่มอีก 70,000 บาท โดยบอกว่าจะไม่ขอเอาที่ดินคืน ซึ่งทางตนก็ให้ไป แล้วทั้งครอบครัวก็ได้ทำเรื่องย้ายออกจากทะเบียนบ้านภายในวันนั้นเลย ได้ทำสัญญาอีก 1 ฉบับว่าจะไม่ไถ่ถอนที่ดินอีก
หลังจากครบกำหนด 1 ปี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 คู่กรณีไม่มีการส่งดอกเบี้ย จึงมีการทำสัญญากันอีก 1 ฉบับ เป็นสัญญาเช่าที่ดิน ให้คู่กรณีจ่ายค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท แต่ก็ไม่เคยจ่าย หลังจากนั้น จึงมีการฟ้องร้องขับไล่ โดยศาลได้เรียกไกล่เกลี่ย โดยให้คู่กรณีหาเงินมาคืน โดยการเอาโฉนดที่ดินไปกู้กับธนาคาร แต่ธนาคารพิจารณาสถานภาพของครอบครัวเเล้วจึงไม่อนุมัติให้กู้
หลังจากนั้น ตนจึงฟ้องขับไล่อีกอีกรอบ จนกระทั่งมีเรื่องราวยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่เคยโกง ยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินเดือนละ 7,000 บาท ตามที่คู่กรณีกล่าวอ้าง ส่วนเรื่องเอกสาร หากคู่กรณีจะอ้างว่าเซ็นเอกสารโดยที่ไม่ได้อ่าน ก็คงฟังไม่ขึ้น เพราะคงไม่มีใครที่จะเซ็นเอกสารโดยที่ไม่ได้อ่านรายละเอียด หลังจากนี้เตรียมฟ้องกลับคู่กรณีฐานหมิ่นประมาท
