กรณีร.ต.อ.ขันติ เพียรสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจาก 191 ตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ว่ามีเหตุฆ่ากันตายบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิ และหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย สภาพใบหน้าแหลกเละ ถูกทุบด้วยของแข็งจนสมองกระจายเกลื่อนพื้นคอหวิดขาด นอนหงายหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อสีเขียว กางเกงยีนขายาว ภายหลังทราบต่อมา นายวิจิตร สีแล อายุ 30 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่ยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ทราบชื่อต่อมา นายธนกริช สีแล อายุ 44 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิตเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไประงับสติอารมณ์
ล่าสุดวันที่ 5 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ จุดเกิดเหตุคือบริเวณหน้าบ้าน ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่พบว่าจุดที่พบศพผู้ตาย ญาติ ๆ ได้นำไฟมาจุดเผาที่จุดดังกล่าว เพื่อปกปิดร่องรอยคราบเลือด แต่ก็ยังมีคราบเลือดติดตามพื้นดินอยู่อีกหลายจุด รวมถึงมีธูปปักอยู่ที่พื้น 1 ดอก
ทีมช่าวได้พูดคุยกับ น.ส.มินตรา สองงาม อายุ 23 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.64) เวลาประมาณ 18.30 น. ตนและสามีเดินทางกลับมาบ้านเพื่อแวะมาเอาไฟฉาย ระหว่างนั้นก็เจอนายวิจิตร ซึ่งเป็นน้องของสามี กำลังนั่งดื่มเหล้าที่โต๊ะไม้หน้าบ้าน เมื่อนายวิจิตร มองมาเห็น เขาจึงถือมีดพร้าเข้ามาชี้หน้าด่าว่า "มึงมาทำไม จะมาขโมยจอบกูเหรอ" ตนจึงทำเป็นไม่สนใจ และเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นายวิจิตรเดินถือมีดพร้าจะมาฟันทำร้าย สามีตนเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งเข้ามาปกป้อง พร้อมกับพูดว่า "มึงจะทำอะไรเมียกู" แต่นายวิจิตร ก็ไม่ยอมหยุดและยังถือมีดวิ่งไล่ฟันตนและสามี ทำให้สามีหยิบท่อนไม้ที่อยู่แถวนั้นตีนายวิจิตร จนเขาล้มลงไปนอนที่พื้น จากนั้นสามีแย่งมีดพร้าในมือนายวิจิตมา แล้วทั้ง 2 คนก็ฉุดกระชากกันอย่างชุลมุน
จังหวะนั้นสามีก็ตะโกนบอกให้ตนไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ตนจึงขี่รถมอเตอไซค์ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน พอกลับมาถึงที่เกิดเหตุ ก็พบว่านายวิจิตร นอนจมกองเลือดที่พื้นแล้ว ส่วนสามีตนก็ไม่ได้หนีไปไหน แต่ยืนรอมอบตัวที่บ้านหลังเกิดเหตุ
สำหรับเหตุที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเป็นเพราะนายวิจิตร เมาเหล้าและคลั่งยาเสพติด แล้วจะเข้ามาทำร้ายตน จนสามีต้องเข้ามาช่วยปกป้องและเกิดเหตุในที่สุด ทั้งนี้นอกจากนายวิจิตร จะชอบเสพยาเสพติด และดื่มเหล้าแล้ว เขาก็เป็นคนขี้ขโมย ไม่ทำงานทำการ อยู่แต่บ้าน ที่ผ่านมาตนและสามีก็จะถูกนายวิจิตร ขู่ทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่าหลายครั้ง ส่วนสามีตนเป็นคนขยันทำมาหากิน
"สามีและผู้ตาย มีปัญหาระหองระแหงกันมานาน จนพวกเราต้องไปอาศัยนอนที่ทุ่งนา จะแวะเข้าบ้านเป็นครั้งคราว เพราะอยู่บ้านหลังเดัยวกันไม่ได้ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สามีทนไม่ไหว แล้วก่อเหตุครั้งนี้นั้น คาดว่าน่าจะมาจากปมในใจของสามีที่เก็บมาตั้งแต่อดีต เพราะว่าก่อนหน้านี้สามีมีที่ดินจากพ่อแม่แบ่งหลายสิบไร่ (ประมาณ 30 ไร่) แต่ก็ถูกผู้ตายและน้องชายของสามีอีกคน นำที่ดินไปขายจนหมด สามีจึงอัดอั้นในเรื่องนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในการก่อเหตุหรือไม่" ภรรยาผู้ก่อเหตุ กล่าว
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง สภ.เมืองชัยภูมิ และได้พูดคุยกับนายธนกริช สีแล อายุ 44 ปี ผู้ต้องหา เปิดใจว่า สาเหตุที่ตนก่อเหตุมาจากความโมโห เนื่องจากเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.64) ตนและภรรยากลับมาถึงบ้าน เจอน้องชายนั่งดื่มเหล้าและเมา แล้วน้องชายก็ถือมีดพร้าจะเข้ามาทำร้าวตน แล้วกล่าวหาว่าตนและภรรยาไปขโมยจอบของเขา
กระทั่งน้องชายถือมีดพร้าวิ่งเข้ามาจะทำร้ายตนและภรรยา ตนจึงบันดาลโทสะไปหยิบท่อนไม้ตีน้องชายจนล้ม จากนั้นก็แย่งมีดพร้ามาจากน้องชาย แล้วใช้ฟันที่ขาของเขา ก่อนจะใช้ท่อนไม้ตีซ้ำที่ใบหน้าและศีรษะนอนแน่นิ่งเสียชีวิต ที่ผ่านมาตนและภรรยาถูกน้องชายข่มขู่ทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่า เพราะน้องชายมีอาการคลั่งยาเสพติด เป็นคนที่มีนิสัยขี้ขโมย อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากขอโทษน้องชายและขออโหสิกรรมด้วย
นอกจากนี้ ด้านคดีความ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา นายธนกริช ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย พร้อมกับนำตัวส่งฝากขังที่เรือนจำจังหวัดชัยภูมิในช่วงบ่ายของวันนี้
