ช็อก! ฝรั่งรมแก๊สตายแปลกคาเมรุที่แท้หมอจิตอาสาใช้ชีวิตคุ้มอยากลาโลก

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหางดงเชียงใหม่ รับแจ้งว่ามีชาวต่างชาติรมแก๊สพิษ ฆ่าตัวตายภายในเมรุเผาศพ บ้านแพะขวาง ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ จึงพร้อมกับแพทย์โรงพยาบาลหางดงรุดไปสอบสวน

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตนั่งพิงข้างบันไดทางขึ้นเมรุเผาศพ ถุงพลาสติกสีฟ้าแบบ 4 เหลี่ยมคลุมศีรษะเอาไว้ ลงมาถึงช่วงคอ และมีท่อแก๊สออกมาจากปากถุงพลาสติก ข้างศพผู้เสียชีวิตมีถังแก๊สฮีเลียมสีชมพู จำนวน 2 ถังวางอยู่

ส่วนสภาพผู้เสียชีวิตสวมเสื้อกันหนาวสีฟ้า กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าแตะสีดำ และยังรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่มาฆ่าตัวตายเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงินขาว ทะเบียน งธจ 821 เชียงใหม่ จอดอยู่ใกล้กัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรได้ร่วมกันเข้าตรวจชันสูตรโดยละเอียด พบว่าผู้เสียชีวิตจากการรมแก๊สพิษเข้าไป ตรวจสอบถังแก๊สทั้ง 2 ถังปรากฏว่าได้มีการเปิดใช้แก๊สจนหมดทุกถัง จากการตรวจสอบหลักฐาน ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ Mr.paul Yves P.Wery อายุ 64 ปี สัญชาติเบลเยี่ยม จากการชันสูตรพลิกศพไม่พบร่องรอยของการทำร้ายหรือฆาตกรรมแต่อย่างใด

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบริเวณกระเป๋าของผู้เสียชีวิตที่ตกอยู่ข้างศพ พบกระเป๋าเงินซองจดหมาย และจดหมายลาตายใส่ซองพลาสติก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำออกมาตรวจสอบ พบเงินสดที่ผู้เสียชีวิตแบ่งไว้ให้ 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเงินสดที่พบอยู่ในกระเป๋าเงินจำนวน 18,570 บาท ส่วนที่ 2 พบในจดหมายที่ผู้เสียชีวิตเขียนถึงคนที่มาพบศพเป็นเงินที่ผู้ตายนำไว้ให้ทำพิธีฌาปนกิจศพของผู้เสียชีวิต มีเงินอยู่ด้านในซองจำนวน 20,000 บาท นอกจากนี้ยังมีจดหมายอีก 1 ฉบับเขียนถึงสถานทูตเบลเยี่ยม พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ คาดว่าน่าจะเป็นเบอร์ของญาติผู้เสียชีวิต

ส่วนจดหมายลาตายที่พูดอะไรเขียนทิ้งไว้นั้นได้เขียนไว้ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษภาษาไทยได้เขียนว่า "ไม่มีใครฆ่าผม ไม่ต้องสำรวจ มีแต่ผมที่เลือกฆ่าตัวตาย อายุพอแล้ว" ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

ทีมข่าวได้เดินทางมายังเมรุเผาศพบ้านแพะขวาง ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะเป็นเมรุเผาศพ ติดกับถนนและชุมชน มีผู้คนสัญจรผ่านไปมา สิบเอกไพรรินทร์ กาไวย์ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.น้ำแพร่ เผยว่า เมื่อเวลา 10.00 น. มีลูกบ้านได้แจ้งว่ามีคนนอนอยู่บันไดเมรุเผาศพของหมู่บ้าน ไม่ทราบว่าเสียชีวิตหรือไม่ จึงได้ประสานผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบ ก่อนที่ตนจะไปถึงที่เกิดเหตุ

ส่วนตัวแล้วได้กันชาวบ้านออกไปและไม่ได้เข้าไปใกล้ พอตำรวจมาถึงพร้อมกับทีมแพทย์ได้ชันสูตรศพเบื้องต้น จากการค้นตัวพบว่ากระเป๋าใบแรกมีเงินอยู่ พร้อมกับจดหมายที่กล่าวอ้างว่าไม่ได้มีใครฆาตกรรม แต่แก่แล้ว ส่วนตัวแล้วไม่เคยพบเห็นผู้เสียชีวิตมาก่อน คาดว่าน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทางญาตินิมนต์พระมาอัญเชิญดวงวิญญาณ และประกอบพิธีทางศาสนาตามความเชื่อของชาวบ้าน

ทีมข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.หางดงเชียงใหม่ พบกับนายปาย บุญทวี อายุ 39 ปี ลูกบุญธรรมผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองเป็นลูกบุญธรรมของคุณหมอพอล ผู้เสียชีวิตได้ประมาณ 33 ปีแล้ว โดยตนเป็นเด็กกำพร้า พักอาศัยอยู่ที่วัดสระแก้ว จ.อ่างทอง จากนั้นคุณหมอพอลได้เดินทางมาเป็นหมอจิตอาสา ซึ่งหมอพอลไม่มีครอบครัว ทำให้ตนสนิทสนมด้วย เพราะคุณหมอพอลเป็นคนใจดี ตนจึงขอเรียกว่าพ่อ จากนั้นไม่นานคุณหมอพอลได้ย้ายมาเป็นจิตอาสารักษาคนพิการที่ จ.เชียงใหม่ เป็นโครงการที่ทำเองทั้งหมด จากนั้นตนได้ย้ายมาอยู่ด้วยที่ จ.เชียงใหม่ โดยหมอพอลมาอยู่ที่เมืองไทยได้ 30-40 ปีแล้ว

กระทั่งวันนี้ ล่าสุดช่วงเวลา 04.00 น. ตนได้เดินมาที่ห้องนอนของหมอพอล แต่ไม่พบ ปกติทุกวันหมอพอลจะนั่งทำสมาธิ พอติดต่อก็ไม่รับสาย คาดว่าน่าจะไปเที่ยว และอาจจะไปเที่ยวดอยสุเทพ กระทั่งเพื่อนของหมอพอลติดต่อมาส่งข่าว ก่อนหน้านี้เดือนกว่าที่ผ่านมา หมอพอลได้ปิดโครงการดูแลผู้พิการ และได้วางแผนว่าจะเที่ยวทั่วประเทศไทย และทั่วเอเชีย จากนั้น 2-3 ปีที่จะเดินทางกลับไปที่ประเทศเบลเยี่ยม

ขณะเดียวกันคุณหมอพอลมักจะบอกกับตนอยู่เสมอว่า หากเขาใช้ชีวิตที่คุ้มแล้ว และอิ่มตัว เขาจะฆ่าตัวตายเอง ซึ่งตนไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่หมอพอลเลือกที่จะจบชีวิต โดยไม่ทราบว่าทำไมต้องไปจบชีวิตข้างเมรุด้วย ตนไม่เคยพาไปที่ดังกล่าว แต่หมอพอลน่าจะเคยผ่านไปหรือไม่ เพราะมักชอบทำของไปแจกที่โบสถ์คริสตจักรแถวหางดง ที่ผ่านมาตนคิดว่าหมอพอลน่าจะไปจบชีวิตที่ประเทศเบลเยี่ยม

นางปิยริษรา เอสโปสิโต อายุ 45 ปี เพื่อนบ้าน เผยว่า ตนเพิ่งทราบข่าวจากทางผู้สื่อข่าว ส่วนตัวยอมรับว่าตกใจมาก ได้โทรศัพท์สอบถามลูกชายของหมอพอล ซึ่งลูกชายก็อ้างว่าไม่สามารถติดต่อพ่อได้ คาดว่าผู้เป็นพ่อน่าจะออกเดินทางไปเที่ยว กระทั่งบอกให้รีบเดินทางไปที่ ภ.หางดง โดยตนรู้จักกับหมอพอลได้ 10 กว่าปีแล้ว คุณหมอพอลเป็นคนดี มีน้ำใจ ทำงานเกี่ยวกับจิตอาสา ซึ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา หมอพอลได้เดินทางมาที่บ้านของตน พร้อมกับนำเสื้อผ้าของเขามาให้แจกกับชาวบ้าน เพราะเขาจะกลับบ้านเกิดที่เบลเยี่ยมแล้ว จะกลับวันที่ 7 ธ.ค. 64 และพูดเปรยเอาไว้ว่าตะไม่กลับมาแล้ว พร้อมทั้งได้นำเงินมอบให้แก่คนที่คอยช่วยเหลือที่ประเทศไทย ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจ ขณะนั้นหมอพอลดูมีความสุข

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาหมอพอลมักชอบพูดติดตลกกับตนและคนอื่นว่าหากใช้ชีวิตอิ่มตัวแล้วจะฆ่าตัวตาย ซึ่งอายุ 60 กว่าปี ก็ถือว่าใช้ชีวิตตุ้มแล้ว แต่ทุกคนมองว่าหมอพอลไม่ฆ่าตัวตาย เพราะแกเองเป็นคนเฮฮา ไม่มีความเครียด มีชีวิตที่ดี หลังจากนี้ตนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือในพิธีกรรมทางศาสนา ส่วนตัวแล้วขอให้หมอพอลไปสู่สุคติตามเจตนารมณ์ที่เขาได้ตั้งใจเอาไว้