เขยหลอนบุกชิงลูก โดนพ่อตาฟันหัวแบะ ลั่นถึงขี้เมาจะทำอะไรกับลูกก็ได้ (คลิป)

กรณีเวลา 19.00 น. ของวันที่ 28 พ.ย. 64 นายดินทร์ ขจัดโรคา อายุ 53 ปี ชาว ต.ดอนมนต์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ใช้มีดฟันหัวนายฉัตรชัย หรือ ต่อ ขุนหมื่น อายุ 31 ปี ลูกเขย จนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล หมอเย็บ 7 เข็ม หลังจากเมายาบ้าแล้ว อุ้มลูกชายวัย 4 ขวบจะหนีออกจากบ้านนั้น

วันที่ 29 พ.ย. 64 นางสาวเพชรมณี ภรรยาของนายต่อคนเจ็บ ในฐานะลูกสาวของคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองคาดไม่ถึงว่านายต่อสามีจะมาแจ้งความเอาผิดพ่อ ทั้งที่ตัวของนายต่อก็มีส่วนผิด ซึ่งตอนนี้ตัวเองรู้สึกกังวลและมีความเป็นห่วงในตัวขอพ่อมากกว่า ไม่ได้สนใจอะไรในตัวของนายต่อสามี เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีความผูกพันอะไรกันมาอยู่แล้ว ลักษณะต่างคนต่างอยู่ แต่ที่ให้มาอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยกัน เป็นเพราะเห็นแก่ความเป็นพ่อของเด็กเท่านั้น

ส่วนกรณีที่นายต่อสามี ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปส่งที่ท่ารถ บขส. เพื่ออ้างว่าจะเดินทางกลับบ้านในจังหวัดกาญจนบุรี ตนเองก็ไม่มีความกังวลใจหรือต้องการที่จะรั้งเอาไว้ เพราะถือว่าความสัมพันธ์ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ตั้งแต่เป็นชนวนเหตุ จนกระทั่งทำให้พ่อของตัวเองกลายเป็นผู้ต้องหา ดังนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ ส่วนของลูกชายทั้ง 2 คน ตนเองก็สามารถดูแลได้ โดยไม่ต้องมีนายต่อก็ได้ เพราะที่ผ่านมาตัวเองก็เลี้ยงลูกเพียงลำพัง หาเงินเลี้ยงลูกเอง นายต่อไม่เคยช่วยเหลือครอบครัว แม้ว่าจะออกไปหางานรับจ้างทำ แต่ก็เงินไปใช้ส่วนตัวไม่เคยเอามาเลี้ยงดูครอบครัว

ที่สำคัญ ตนเองมองว่าการที่นายต่อตัดสินใจกลับบ้านในจังหวัดกาญจนบุรี จะไปอยู่กินกับใคร จะไปใช้ชีวิตอย่างไร เพราะอย่าลืมว่า พ่อของนายต่อก็อยู่ในคุก ในข้อหาฆ่าเมียตัวเอง "แม่ตาย พ่อติดคุก กลับบ้านไปกาญจนบุรีจะอยู่กับใคร" เหตุการณ์ที่พ่อนายต่อฆ่าแม่ คนเองก็อยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้นช่วง 15 เม.ย. 2563 เป็นข่าวโด่งดังในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กับเหตุการณ์ที่นายบุญเลิศ ขุนหมื่น อายุ 52 ปี ฆ่าน.ส.สุดใจ รอดมณี อายุ 50 ปี เพียงแค่ตามง้อเมีย แต่เมียไม่ให้อภัยจึงก่อเหตุนั้น

นายดินทร์ ขจัดโรคา อายุ 53 ปี พ่อตาของนายต่อคนเจ็บ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา และให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจาก นายต่อ เขย แจ้งความเอาผิดพ่อตาเรื่องการทำร้ายร่างกาย ซึ่งการสอบปากคำเป็นเพียงการให้การเพิ่มเติม และพฤติกรรม รวมถึงแรงจูงใจก่อเหตุ หลังจากนั้นสามารถเดินทางกลับบ้านได้ โดยในวันพรุ่งนี้สามารถไปจ่ายค่าปรับต่อศาลได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องถูกคุมขัง

สำหรับตัวของนายต่อคนเจ็บ มีการขอความช่วยเหลือจากตำรวจโรงพักสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขอให้นำตัวขึ้นรถไปส่งที่ บขส. บุรีรัมย์ เพื่อจะเดินทางกลับบ้านในจังหวัดกาญจนบุรี อ้างว่าไม่สามารถที่จะอยู่อาศัยที่นี่ได้ต่อ เพราะกลัวถูกทำร้ายร่างกาย

นายดินทร์ ขจัดโรคา อายุ 53 ปี ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยสั้น ๆ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปทำร้ายนายต่อลูกเขย ซึ่งต้องการที่จะไปแย่งเอาหลานชายวัย 4 ขวบกับคืนมาเท่านั้น ถ้ากลัวว่าจะถูกนายต่อพาออกไปจากบ้านหรือพาไปที่อื่น และเลี้ยงดูไม่ดี จากนั้นเกิดการยื้อแย่ง และทะเลาะกัน จนกระทั่งมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น ส่วนเรื่องของอาวุธมีดก็ไม่ได้เตรียมที่จะไปก่อเหตุ เป็นมีดที่พกติดตัวอยู่แล้วเนื่องจากมีอาชีพทำสวนยาง

โดยหลังจากที่ตนเองถูกลูกเขยแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ตนเองก็รับทราบข้อกล่าวหาตามที่ถูกแจ้ง แต่ชนวนเหตุยอมรับว่าตนเอง ทนมานานแล้วกับพฤติกรรมของลูกเขย มันสุดจะทน ที่ไม่ทำมาหากิน ไม่เคยดูแลลูก ๆ และยังมีประวัติเกี่ยวข้องยาเสพติด หลังจากนี้ตนเองก็ต้องมีหน้าที่ดูแลลูก ดูแลหลานต่อไป

ล่าสุด นายฉัตรชัย หรือ ต่อ ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว บอกว่า ลูกวัย 4 ขวบเป็นลูกของตัวเอง เป็นสิทธิ์ของตัวเอง จะเอาไปไหนก็ได้ ที่ผ่านมาตนเป็นคนรับจ้าง หาเงินมาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ตอนเมียคลอดไม่เห็นใครไปดูแล มีแต่ตนเท่านั้น ดังนั้นพ่อตาไม่มีสิทธิ์มาหวงลูกของตน โดยหลังจากนี้ จะไปแจ้งความเอาผิดกับพ่อตาจนถึงที่สุดเช่นกัน