โวยลูกถูกจับข้ามคืนเลือดคั่งสมอง ตร.เปิดกล้องปัดซ้อม ยันหลอนหัวทุบฝา (คลิป)

27 พ.ย. 64

จากกรณีนางพั้ว ชะใบรัมย์ อายุ 51 ปี ชาวบ้านหมู่ 20 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า ลูกชายคือ นายนำพล ชะใบรัมย์ อายุ 32 ปี ได้ถูกเพื่อนบ้านเป็น ตชด. พร้อมเพื่อนมาจับตัวออกจากบ้านไป เมื่อช่วงสายของ วันที่ 8 พ.ย.64 แต่กลางดึกวันที่ 10 พ.ย.64 ลูกชายหมดสติในห้องขัง สภ.ท่าแซะ ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล กลับพบมีร่องรอยคล้ายถูกซ้อม จนเลือดคั่งในสมอง พิการเป็นอัมพาต เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้นั้น

302823

วันที่ 27 พ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปยังบ้านของผู้บาดเจ็บ เป็นบ้านไม้ขนาดเล็กชั้นเดียว อยู่บนเขาใกล้ผาเปิดใจ ชายแดนไทยพม่า นอกจากนี้จากการสอบถามพบว่า นางพั้ว ชะใบรัมย์ อายุ 51 ปี แม่ผู้บาดเจ็บ ไม่ได้อยู่บ้าน เนื่องจากต้องคอยเฝ้าดูอาการลูก อยู่บริเวณห้อง ICU รพ.ชุมพร เขตรอุดมศักดิ์

918183

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเสา ชะใบรัมย์ อายุ 57 ปี พ่อของผู้บาดเจ็บ เผยว่า ผู้บาดเจ็บคือ นายนำพล ชะใบรัมย์ อายุ 32 ปี ลูกชาย ตนมีอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา ตัดปาล์มน้ำมัน และรับจ้างทั่วไป มีฐานะยากจนหาเช้ากินค่ำ มีลูก 3 คน ชาย 2 คน หญิง 1 คน ปัจจุบันอยู่กับลูกชาย 2 คน ส่วนลูกสาวไปรับจ้างทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ

729821

เหตุเริ่มจากวันที่ 8 พ.ย.64 ตนและภรรยาไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ที่โรงพยาบาล ช่วง 13.00 น. ลูกชายคนโตโทรศัพท์มาบอกว่า มีชาวบ้านเห็นลูกชายคนเล็กคือ นายนำพล ถูกเพื่อนบ้านที่เป็น ตชด. อยู่ที่ค่ายแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี มากับเพื่อน รวม 2 คน ได้จับตัวลูกชายออกไปจากบ้าน โดยบอกว่าจะพาไปส่งตำรวจที่ สภ.ท่าแซะ เนื่องจากลูกชายเข้าไปขโมยของภายในบ้านของเขา ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเข้าใจว่าคนที่พาลูกชายไปเป็นเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน เดี๋ยวเขาคงพามาส่งเอง

จนวันที่ 10 พ.ย. 64 ลูกชายก็ยังไม่กลับบ้าน กระทั่งมารู้จากเพื่อนบ้านว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บถูกส่งรักษาตัวที่ รพ.ท่าแซะ แต่อาการหนักมาก ทำให้ต้องส่งตัวไปต่อที่ รพ.ชุมพร เขตรอุดมศักดิ์ หลังทราบเรื่องตนที่ฐานะยากจนจึงไปขอยืมเงินเพื่อนบ้านจำนวน 1,000 บาท จ้างรถยนต์ให้ไปส่งที่โรงพยาบาล ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันเดียวกันแต่มีมาตรการป้องกันโควิด เลยต้องรอผลตรวจก่อนจึงจะสามารถเยี่ยมลูกชายได้ ซึ่งกว่าจะได้พบลูกชายก็เกือบ 16.00 น. ของ วันที่ 11 พ.ย.64

ซึ่งเมื่อได้เห็นสภาพร่างกายของลูกชาย ตนก็รู้สึกตกใจ รับไม่ได้ เนื่องจากตามร่างกายลูกมีรอยเขียวช้ำที่ขาและตัวหลายจุด อีกทั้งบริเวณศีรษะได้รับความกระทบกระเทือน จนกระดูดก้านคอแตกร้าว มีเลือดคั่งในสมอง ขยับตัวไม่ได้ แพทย์ต้องผ่าตัดเอาเหล็กดามกระดูกก้านคอ และบอกกับภรรยตนว่าลูกชายมีโอกาส เป็นอัมพาตค่อนข้างสูง ต้องนอนใส่ท่อช่วยหายใจ อยู่ในห้องไอซียูตลอดเวลา

ช่วงแรกที่ภรรยาไปหาลูกที่ รพ. ลูกชายยังพอรู้สึกตัวแบบเหม่อลอย และนอนสะดุ้งผวาตลอด ถึงกับตะโกนออกมา "อย่าอย่าทำร้ายผม ผมยอมแล้วอย่าอย่า" ตนไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ ก็ได้รับคำตอบว่าลูกชายทำร้ายตัวเองในห้องขังจนอาการสาหัส เพราะในห้องขังไม่มีใครเข้าไปทำร้ายได้ พร้อมกับให้ตนไปดูกล้องวงจรปิด ซึ่งก็เห็นแต่ภาพหน้าห้องขังเท่านั้น ไม่เห็นภายในห้องขังที่คุมขังลูกชายตนแต่อย่างใด

567259

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ ขอยืนยันว่าไม่มีใครทำร้ายนายนำพลอย่างแน่นอน แต่น่าจะเป็นเพราะนายนำพลเมื่อถูกขังอาจเกิดความเครียด เพราะติดยาเสพติด จนเกิดอาการหลอน แล้วนั่งหันหลังพิงกำแพงห้องขังเอาศีรษะด้านหลังโขกกำแพงไปเรื่อย ๆ จนบาดเจ็บดังกล่าวเองมากกว่า

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส