เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ใช้อาวุธทำร้ายกันได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายนายคฑาวุธ กลมเกลียว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดที่ขมับ ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อ นายภาคภูมิ มะเกิ๋น ถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดที่หน้าอก สำหรับจุดเกิดเหตุอยู่กลางหุบเขาที่เป็นผืนป่าดงดิบ โดยยังไม่ระบุสาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิตที่แน่ชัด
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 หลังเกิดเหตุ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้ประสานขอความช่วยเหลือจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ เข้าไปให้ความช่วยเหลือนำร่างผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บออกมาจากป่า โดยมีพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ รวมทั้งทีมแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลทองผาภูมิ ร่วมเดินทางไปด้วย
ล่าสุด 27 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในพื้นที่ เพื่อปฏิบัติภารกิจขนย้ายร่างผู้เสียชีวิต โดยวันนี้อุปสรรคสำคัญยังคงเป็นเรื่องของสภาพพื้นที่ เป็นป่าดงดิบ มีต้นไม้หนาทึบ ที่จอดอันตราย ประกอบกับกระเเสลมเเรง เเละผันผวนตลอดเวลา โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีลงจอดเเบบเเตะขอนไม้ เเละสามารถนำศพขึ้นเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ
ก่อนนำศพมาที่อุทยานเเห่งชาติเขาเเหลมป้อมปี่ ตำบลปรังผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นกองอำนวยการ ระยะทางห่างจากจุดเกิดเหตุ 12 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยเเพทย์ ได้เข้าตรวจสอบ เเละชันสูตรเบื้องต้น จากนั้นได้นำศพผู้เสียชีวิตไปที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ ก่อนส่งร่างไปชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
เวลา 12.00 น. กองพลทหารราบที่ 9 ที่มีความเชี่ยวชาญพื้นที่ ได้เข้าสนับสนุนยุทธโธปกรณ์ และเฮลิคอปเตอร์ MI-17 ได้เข้าไปยังพื้นที่ เพื่อนำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมกับนำเจ้าหน้าที่ชุดเดินเท้า ที่เข้าไปทำลานจอด ฮ. กลับออกมาพร้อมกับอุปกรณ์ตัดไม้
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ชุดเดินเท้า บอกว่าทันทีที่เข้าไปถึงพื้นที่ ไม่มีใครเข้าไปทำอะไรกับร่างผู้เสียชีวิต ตามคำแนะนำของร้อยเวร โดยสภาพศพตอนที่ไปถึง มีมดและแมลงมาตอมเลือด ส่วนอุปสรรคในการเข้าพื้นที่ต้องเร่งตัดต้นไม้เพื่อให้ ฮ. สามารถเข้าช่วยเหลือผู้รับบาดเจ็บและนำร่างผู้เสียชีวิตโดยเร็ว
จากนั้นเวลา 14.00 น. ทหารได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ รุ่น MI-17 บินเข้าพื้นที่อีกครั้ง เพื่อนำพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ 5 คน ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับผู้บาดเจ็บ เเละผู้เสียชีวิตกลับออกมา พร้อมกับอาวุธปืนเเละมีดที่ใช้ก่อเหตุ โดยบรรจุอยู่ในถุงสีดำ
จากนั้นตำรวจได้นำหลักฐาน เเละพยานทั้ง 5 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าอุทยานเเห่งชาติเขาเเหลม ขึ้นรถนำตัวไปที่ สภ.ทองผาภูมิ เพื่อสอบปากคำ โดยระหว่างที่อยู่บนรถ ผู้สื่อข่าวพยามสอบถามเหตุการณ์เเต่เจ้าหน้าที่ตอบเพียงสั้น ๆ ว่าไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ตอนยิง เพราะวินาทีนั้นต่างคนก็ต่างวิ่งหลบ เเต่ได้ยินเสียงปืน 2 นัด เเละก่อนหน้านั้นตอนปฏิบัติภารกิจ ผู้ตายก็ยังดูปกติ ไม่ได้ทะเลาะกับใครในทีม เเต่มีเพ้อคิดถึงภรรยา ซึ่งทุกคนยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม กล่าวสรุปภารกิจว่า สำหรับภารกิจลำเลียงร่างของคนตาย และช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ทั้งชุดเดินเท้าเข้าไปทำลานจอด ฮ. เเละเจ้าหน้าที่ชุดที่อยู่ในเหตุการณ์ รวม 22 คน สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เบื้องต้นจากการสอบถามทั้งสภาพจิตใจและร่างกาย พบว่าทุกคนยังมีจิตใจเข้มแข็ง แต่เริ่มอ่อนเพลียอ่อนล้า เพราะอยู่ในป่ามานาน 7 วันแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นมีการพูดคุยเฉพาะเรื่องอาการบาดเจ็บ ยังไม่ได้สอบถามเหตุการณ์ ซึ่งอาการดีขึ้นเเล้ว
ส่วนในเรื่องของสาเหตุและปมของการก่อเหตุ รอทางตำรวจดำเนินการสอบปากคำและสรุปสำนวนคดี โดยประเด็นไม่น่าจะเกี่ยวข้องหรือกระทบกับองค์กร และน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า ซึ่งในส่วนของอุทยานฯ มีหน้าที่ดูแลเยียวครอบครัวของผู้เสียชีวิต และคนเจ็บให้ดีที่สุด
น.ส.ศศินภา สุติ อายุ 31 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนยังติดใจสาเหตุการตายที่เเท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใดกันเเน่ ที่ผ่านมาสามีไม่เคยมาปรึกษา หรือระบายความเครียดให้ฟัง ส่วนตอนเข้าป่าก็ยังมีการโทรพูดคุยกันเป็นระยะ เเละคุยกันครั้งสุดท้ายคือช่วงเวลาประมาณเที่ยง ของวันที่ 24 พฤศจิกายน ทางสามีบอกว่าหากจุดไหนมีสัญญาณโทรศัพท์ก็จะโทรหาเป็นระยะ เเต่ไม่ได้บอกว่ามีความเครียด เเละไม่ได้มีความผิดปกติ จนกระทั่งเช้าวันต่อมา ทราบข่าวว่าสามีเสียชีวิต ตนเองก็ช็อก
ส่วนข้อมูลจากพยานที่บอกว่าก่อนตาย สามีพร่ำเพ้อคิดถึงตนเองนั้น ในเรื่องดังกล่าวตนเองไม่ทราบ เเต่ที่ผ่านมาสามีก็จะบอกว่าคิดถึงลูกชายทั้ง 2 คน อายุ 8 ขวบ กับ 2 ขวบ ตลอด โดยหลังจากนี้จะขอรอความชัดเจนจากตำรวจ หากผลการสืบสวนออกมาเป็นอย่างไร ส่วนตัวก็พร้อมยอมรับ เบื้องต้น วันนี้ตนจะรีบเดินทางไปที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อรอรับศพสามีอยู่ที่บ้าน
นายคำทอง ศิริวัฒนพิเชษฐ์ อายุ 55 ปี บอกว่าป่าในละเเวกนี้ ลักษณะจะเป็นป่ารกทึบ มีสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เเละชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่จะมีความเชื่อเรื่องอาถรรพ์ป่าทุ่งใหญ่ ถ้าหากใครจะเข้าป่า ต้องทำพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอเปิดป่า โดยคนเฒ่าคนแก่เล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์ป่าทุ่งใหญ่ หากใครทำอะไรไม่ดี ลบหลู่ มักจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น โดยย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน เคยมีชาวบ้านเข้าไปล่าสัตว์ เเล้วมองเห็นเพื่อนเป็นสัตว์ป่า จึงยิงจนเสียชีวิต
ดังนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า 50% น่าจะเกิดจากความอาถรรพ์ของป่า ไม่ทราบว่าก่อนเข้าไปปฏิบัติภารกิจ เจ้าหน้าที่ได้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ส่วนอีก 50% ก็คาดว่าอาจเป็นอุบัติเหตุ หากย้อนไปไม่กี่ปีป่าทุ่งใหญ่เพิ่งมีเรื่องคดีดังอย่างเสือดำ และอีก 10 วัน จะถึงวันตัดสินคดี ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น
