ศึกสายเลือด! น้องแทงพี่ยัวะเชียร์นายก อบต.คนละเบอร์ โผล่ขมาศพก่อนนอนคุก (คลิป)

กรณีเมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 25 พ.ย.64 ตำรวจ สภ.วาปีปทุม รับแจ้งเหตุ คนทำร้ายร่างกายกันเสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ ม.12 ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ที่เกิดเหตุเป็นบ้านกลางทุ่งนา พบศพนายศิริชัย ยมนัตถ์ หรือโบ้ อายุ 31 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิต สภาพถูกแทงด้วยของมีคม เข้าที่บริเวณคอ ใต้ลิ้นปี่ สะโพก หัวเข่า และขาเกือบ 10 แผล

คนก่อเหตุคือ นายครรชิต ยมนัตถ์ หรือ ฟอด อายุ 24 ปี น้องชายของคนตาย สืบทราบว่าพี่ชายกับน้องชายดื่มเหล้าด้วยกัน พร้อมกับเพื่อนรวม 4 คน จากนั้นได้มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันในวงเหล้าขาว พี่ชายฉุนถือขวดเหล้าฟาดหัวน้อยชาย จากนั้นคนตายจึงถูกน้องชายใช้อาวุธมีดแทงเสียชีวิตคาเถียงนา

วันที่ 26 พ.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังเถียงนาจุดเกิดเหตุ ยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 700 เมตร เป็นเถียงนาสำหรับตากข้าวของครอบครัวคนตายและคนก่อเหตุ และยังเป็นคอกวัว บริเวณใต้ต้นมะม่วงของเถียงนา มีขวดเหล้าเบียร์กองอยู่ใต้ต้นไม้ และภายในกระสอบยังมีขวดเหล้าขาวอีกนักไม่ถ้วน และในที่เกิดเหตุยังมีลำโพงสีดำ 1 ดอก ซึ่งโดยปกติสองพี่น้องมักจะพาเพื่อนมานั่งดื่มกินที่เถียงนาดังกล่าวเป็นประจำ

นายลำใย วิเศษศรี อายุ 63 ปี ชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า โดยปกติสองพี่น้องก็มักจะมารวมตัวกันที่เถียงนาดังกล่าว เพื่อมาช่วยกันทำมาหากิน ช่วงฤดูทำนาก็จะมาปลูกข้าว ถ้าเป็นช่วงเก็บเกี่ยวก็จะพากันมาเฝ้าและตากข้าวให้แห้ง ก่อนที่จะเก็บเข้ายุ้งฉาง ในวันเกิดเหตุ หลังจากที่ทั้งคู่ได้มีการช่วยกันเก็บข้าวใส่ยุ้งฉางเสร็จแล้ว ก็ได้นั่งดื่มกินเหล้ากันตั้งแต่หัววัน เวลาประมาณ 11.00 น. ไปจนกระทั่งถึงช่วง และทุกวันก็จะมีการนัดรวมตัวกันของกลุ่มวัยรุ่น มานั่งดื่มเหล้าพูดคุยกัน พร้อมทั้งมีการเปิดเพลงเสียงดังลั่นพื้นที่

แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยสังเกตเห็นว่าสองพี่น้องจะมีปัญหาหรือทะเลาะอะไรกัน เพราะถือว่าช่วยกันทำมาหากินตามปกติ พี่ตากข้าว น้องก็เข้าไปช่วย หรือน้องเก็บข้าว พี่ก็ไปช่วยตัก โดยก็ไม่เห็นว่าทั้งคู่จะมีปากเสียงหรือทะเลาะอะไรกัน แต่หลังจากวันที่เกิดเหตุ ตัวเองเข้าไปถึงก็พบว่าตัวของนายศิริชัยหรือโบ้ นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นไม้ แต่ตอนนั้นไม่เจอนายครรชิตหรือฟอด ซึ่งมาทราบภายหลังว่า เจ้าตัวหลังก่อเหตุได้ไปนั่งตั้งสติ และสำนึกผิดอยู่ที่กองฟางหลังเถียงนาที่เกิดเหตุ โดยมีลักษณะนั่งฟังว่าเจ้าหน้าที่พูดคุยอะไรกัน ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตามตัวไม่เจอเพราะสภาพแวดล้อมค่อนข้างมืด แต่ในระหว่างที่มีการเก็บร่างของพี่ชายขึ้นรถ และตำรวจกำลังจะกลับ ตัวของนายครรชิตก็เดินมามอบตัวโดยดี ซึ่งก็ไม่ได้มีพฤติกรรมจะหลบหนี พร้อมทั้งมีการสำนึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่สำคัญเจ้าตัก็มีบาดแผลบริเวณหัวและขาเกิดจากการถูกนายศิริชัย คนตาย ใช้ขวดทำร้ายร่างกาย

นายขวัญชัย ช่างยันต์ หรือขวัญ อายุ 38 ปี รุ่นพี่ในวงเหล้า เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวกลุ่มของตนเองนั่งกินเหล้าด้วยกันตั้งแต่หัววันจนกระทั่งค่ำ ซึ่งเป็นการนั่งกินเหล้าขาว แต่ทุกคนก็เริ่มอยู่ในอาการมึนเมาเล็กน้อย ยังคงมีสติอยู่บ้าง แต่หลังจากที่นายนนท์ หนึ่งในกลุ่มที่นั่งกินเหล้าด้วยกันเดินทางกลับไปก่อน นายศิริชัยคนตาย มีการนั่งพูดคุยกับนายครรชิต คนก่อเหตุ เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง ซึ่งเป็นการพูดคุยในวงเหล้าทำนองว่า "คนที่ลงสมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ระหว่างหมายเลข 1 กับ 2 ใครจะได้รับเลือก" ซึ่งในตอนนั้นตัวของนายศิริชัย คนตาย พูดทำนองว่าหมายเลข 2 ไม่ชนะหรอก ทำให้ตัวของนายครรชิต น้องชาย เกิดความไม่พอใจ ต่อว่าพี่ชายทำนองว่า "พูดแบบนี้มันไม่ถูกต้อง พี่ต้องไปขอโทษเขา" หลังจากที่น้องชายมีการต่อว่าพี่ชาย ทำให้ผู้เป็นพี่ชายเกิดความไม่พอใจ พูดกลับไปว่า "กูเป็นพี่มึง ไม่ใช่พ่อแม่อย่ามาสั่งสอน"

จากนั้น ก็เริ่มมีปากเสียงชกต่อยกัน แต่ไม่ได้รุนแรงหรือมีอาวุธ ตนเองเห็นท่าไม่ดี จึงได้พานายครรชิต คนก่อเหตุ ออกจากเถียงนา แต่จังหวะที่รถมอเตอร์ไซค์จะสตาร์ต ตัวของนายศิริชัย ถือขวดเหล้าขาวมาทำร้ายร่างกายได้ครรชิต โดยการฟาดเข้าที่หัวแตก และยังฟาดเข้าที่ขาซ้ายเป็นแผล ก่อนที่นายครรชิตคนก่อเหตุ จะวิ่งเข้าไปมารุมมาตุ้ม และชักเอาอาวุธมีดที่เตรียมไปด้วยจ้วงแทงพี่ชายจนกระทั่งมีแผลทั่วร่างกาย ตนเองเข้าไปห้ามก็ไม่ทันแล้ว

หลังจากนั้น ตนเองก็ได้ลากตัวนายครรชิตน้องชาย ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อที่จะไปแจ้งให้กับญาติพี่น้องรับทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นที่เถียงนา พร้อมกับกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบว่านายศิริชัย หลังจากที่โดนแทง เริ่มมีอาการซีด และหายใจใกล้เสียชีวิตแล้ว จึงได้มีการประสานให้รถกู้ภัยพร้อมกับตำรวจเข้ามาที่เกิดเหตุ ในจังหวะนั้นนายครรชิต น้องชาย ก็เดินเข้าไปทีหลังเถียงนาไปนั่งสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะเข้ามอบตัวในเวลาต่อมา ส่วนตัวไม่คิดว่าการพูดคุยกันในวงเหล้าจากเรื่องเล็กน้อยจะกลายเป็นทำร้ายกันถึงขั้นเสียชีวิตแบบนี้

ที่วัดบ้านแดง ม.12 ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายศิริชัย หรือ โบ้ ยมนัตถ์ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งมีการตั้งศพเอาไว้ที่กลางศาลา โดยมีนายสุพจน์ ปราสาจะ อายุ 46 ปี พ่อเลี้ยงของคนตาย นั่งเฝ้าโลงศพอยู่ไม่ห่าง และยังคงคอยจุดธูปดอกใหญ่ สำหรับต่อธูปไม่ให้ดับให้กับนายศิริชัยคนตาย บางช่วงมีอาการเหม่อลอย และก้มหน้ามองพื้นเป็นระยะ ๆ

นายสุพจน์ ปราสาจะ พ่อเลี้ยงคนตาย เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ด้วย เพราะเนื่องจากปล่อยให้ลูกชายทั้งสองคนทำการเก็บข้าวเข้ายุ่งฉาง หลังจากที่เก็บเสร็จก็ทราบว่านั่งดื่มกินเหล้ากันกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุ หลังจากนั้นมีเพื่อนบ้านโทรไปแจ้งว่าลูกชายคนเล็กแทงพี่ชายเสียชีวิตอยู่ที่เถียงนา ตนเองก็ได้รีบเข้ามาที่เกิดเหตุโดยทันที แต่เมื่อไปถึงก็เห็นแต่ร่างของนายศิริชัยนอนอยู่บนพื้น ส่วนนายครรชิตลูกชายคนเล็กได้หลบหนีอยู่ในละแวกเถียงนา และมีการมอบตัวในเวลาต่อมา ซึ่งตนเองก็ทราบว่าลูกชายคนเล็กหลังก่อเหตุแล้ว ได้นั่งฟังเหตุการณ์ทั้งหมด ตอนที่มีการนำร่างออกจากพื้นที่เกิดเหตุ และนั่งฟังในระหว่างที่เจ้าหน้าที่มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับคดี ก่อนที่จะตัดสินใจมอบตัว

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองยอมรับว่าเป็นการสูญเสียที่คาดไม่ถึง เพราะไม่คิดว่าลูกชายทั้งสองคนจะทะเลาะกัน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ลูกชายคนเล็กจะไปแทงพี่ชายตาย เนื่องจากทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยมีปากเสียงอะไรกัน โดยก่อนหน้านี้ตัวของนายศิริชัยคนตาย ไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ จากนั้นกลับมาอยู่บ้านทำงานกับพ่อแม่ ทางด้านของนายครรชิต ลูกชายคนเล็ก จึงไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แทนพี่ชาย และเพิ่งกลับมาได้ไม่นานก็มาก่อเหตุ ดังนั้นตนเองจึงมองว่าเป็นเรื่องของการพูดไม่เข้าหูมากกว่า และยังรวมกับวันดังกล่าวมีการดื่มเหล้าจึงทำให้ขาดสติ

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวนายครรชิต ลูกชาย มาขอขมาศพพี่ชาย ตนเองก็มองว่าถือว่าเป็นเรื่องดีที่เป็นการขออโหสิกรรมต่อกัน แต่ในมุมทางกฎหมายก็ต้องว่าไปตามคดีความ เพราะเบื้องต้นตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะประกันตัวหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่มีเงินประกัน ก็ต้องให้นายครรชิตรับโทษตามกฎหมาย