เมื่อวันที่ 25 พ.ย.64 ที่สน.ลุมพินี น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ “ทนายนิด้า” เดินทางมาพร้อมกับนางงามผู้เข้าประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 รอบ 30 คนสุดท้าย และทีมงาน จำนวน 2 คน ซึ่งเป็นหญิงสาวผู้เสียหาย เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.เมธาธาร สุขม่วง รอง สว. (สอบสวน) สน.ลุมพินี ให้ดำเนินคดีกับช่างภาพชื่อดังในกองประกวดที่กระทำอนาจาร ล่วงละเมิดทางเพศทีมงานและนางงาม
ทั้งนี้ ทราบชื่อช่างภาพภายหลังว่า นายธนวรรธน์ วิเศษนรากุล หรือ “แทน” ช่างภาพประจำกองประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 ถูกออกหมายจับฐานข่มขืนสาวงาม กระทั่งตำรวจบุกจับกุมได้ที่ ริมถนนคลองห้าตะวันตก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทนายนิด้า เปิดเผยว่า ช่างภาพคนหนึ่งที่เขาทำหน้าที่อยู่ในกองประกวด MUT ได้กระทำการในสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควร เบื้องต้นกองก็คัดคนที่มีความสามารถเข้ามา ในส่วนของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ถ้าพูดกันตรง ๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะสกรีนให้ได้อย่างไร 100%
"ที่หนักที่สุดคือถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเรา โดยนางงามหลาย ๆ คนบอกว่าไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว บางคนก็เพิ่งมารู้จักตอนอยู่ในกอง เรื่องนี้เกิดระหว่างการประกวด และสถานที่เกิดเหตุมีโรงแรมใน กทม. และสถานที่เก็บตัวที่ชลบุรี และเขาใหญ่ ที่มาวันนี้ 2 คนคือมาแจ้งความอนาจาร ส่วนข่มขืนได้มีแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองห้าแล้ว" ทนายนิด้า เผยให้ฟัง
เจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว นายแทน ให้การสั้น ๆ อ้างเพียงว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่เรื่องที่ไปข่มขืนสาวงามผู้เข้าประกวดนั้นไม่เป็นความจริง ขอให้การปฏิเสธ เพราะตนมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับฝ่ายหญิงมานานแล้ว
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสได้พูดคุยผ่านวิดีโอคอลกับ “พรฟ้า - ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์” ผู้จัดการกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 และเป็นคนที่ทีมงานของกองประกวดได้ไปเคาะประตูเรียกเพื่อขอความช่วยเหลือ
โดยคุณพรฟ้า เปิดเผยว่า ตนและทีมงานของกองประกวดทราบถึงกรณีดังกล่าว หลังเกิดเรื่องคุณปุ้ย -ปิยาภรณ์ แสนโกศิก กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็น โกลบอล จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดประกวด Miss Universe Thailand ได้เรียกทีมงานทุกคนในกองประกวดประชุมทันที จึงทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นช่วงที่การประกวดใกล้จะประกวดจบแล้ว จึงให้ความสำคัญและแนะนำให้น้อง ๆ ทุกคนระมัดระวังตัวเองมากขึ้น แต่ในระหว่างนั้น “คุณปุ้ย” ได้เรียกประชุมและได้รวบรวมหลักฐานทุกอย่าง พร้อมกับยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะยอมไม่ได้เด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อน้อง ๆ ในกองประกวด MUT เท่านั้น แต่เพื่อผู้หญิงทุกคน
ในวันที่น้องทีมงานมาเคาะประตูห้อง เพื่อมาปรึกษาและขอความช่วยเหลือ ว่าในกลางดึกของคืนหนึ่ง น้องทีมงานคนดังกล่าวมาเคาะประตูเรียกตน และอยู่ในอาการตื่นตระหนก ตัวสั่น และพูดจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก ตนก็ค่อย ๆ ปลอบน้องทีมงานและพูดคุยกันอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จนน้องทีมงานคนดังกล่าวสงบสติลง จึงได้สอบพูดคุยถึงรายละเอียด และถามน้องว่า “น้องกล้าไหม? และลุกขึ้นยืนเพื่อตัวเอง และสู้เพื่อตัวเองได้ไหม?” ซึ่งน้องก็ตอบกลับว่า “ได้ค่ะ” ตนจึงแนะนำให้แจ้งหัวหน้างานและ “คุณปุ้ย” ส่วนรายละเอียดทางคดีอยู่ที่ “ทนายนิด้า” ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ จากที่ตนได้ยินมาพบเห็นและได้ดูหลักฐาน ตนอยากจะบอกว่าแม้หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผู้หญิงด้วยกันเองแล้ว ไม่ให้เรื่องเล็กน้อย การที่คุณจะมาคุกคาม หรือแตะเนื้อต้องตัว บางครั้งไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยที่สามารถทำได้ และทีมงานทุกคนให้ความสำคัญว่ากองประกวดต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้หญิง ไม่ควรเกิดเรื่องลักษณะนี้ ส่วนตัวตนได้ทำงานกับช่างภาพคนดังกล่าวมาได้สักระยะหนึ่ง และพฤติกรรมต่าง ๆ ก็เริ่มเด่นชัดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ “ทนายนิด้า” เป็นผู้ให้ข้อมูลมากกกว่า แต่ในส่วนที่ตนพอจะพูดได้คงเป็นเรื่องของความใกล้ชิด สนิทสนม ถูกเนื้อต้องตัว ซึ่งน้อง ๆ ผู้หญิงที่เข้าประกวดก็ยังไม่แน่ใจว่าช่างภาพคนดังกล่าวเป็นชายแท้ หรือเป็นเพศที่สาม น้อง ๆ จึงไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคาม แต่เมื่อว่ารู้ว่าช่างภาพคนดังกล่าวเป็นเช่นนี้ จึงเกิดความสงสัยว่าที่ผ่านมาสิ่งที่พวกน้อง ๆ เจอคืออะไร
"พรฟ้าต้องขอเป็นกำลังใจให้ทั้งน้องทีมงาน และน้อง ๆ นางงามที่ประสบเหตุการณ์แบบนี้ เพราะมันอาจจะเป็นบาดแผลในใจ อยากบอกว่าผู้หญิงที่เจอเรื่องราวแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย คนที่ต้องอายคือคนที่กระทำ ไม่ใช่คนถูกกระทำ อยากให้ลุกขึ้นสู้เพื่อที่จะบอกว่า เราเข้มแข็งพอ และไม่มีใครมีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเรา ถือว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน ทุกเพศทุกวัย ดังนั้นถ้าเกิดเรื่องแบบนี้เมื่อใด ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเอง ส่วนการจัดการกับเรื่องนี้ในกองประกวด ทางแม่ปุ้ย ก็ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ไม่ได้ปล่อยปละละเลย และแจ้งเตือนให้ทุกคนระวัง จะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในกองอีกต่อไป" คุณพรฟ้า กล่าวทิ้งท้าย
