ธนาคารแห่งประเทศไทย เผย มาตรการรวมหนี้-รีไฟแนนซ์ ห้ามเรียกค่าปรับหากไถ่ถอนก่อนกำหนด

22 พ.ย. 64

นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการที่ธปท. ได้ออกมาตรการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างสอดคล้องกับสภาพปัญหา และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในแต่ละช่วงนั้น เพื่อให้การช่วยเหลือขยายออกไปครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้ ที่มีหลักประกันประเภทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในวงที่กว้างขึ้น

ทั้งนี้ ธปท. จึงกำหนดให้มีแรงจูงใจในการสนับสนุนให้สถาบันการเงินทำการรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น (debt consolidation) เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี หรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการนำหลักประกันของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ในการช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดในระยะยาว

นอกจากนี้ ธปท. ได้ดำเนินการลดข้อจำกัดการทำรีไฟแนนซ์ (refinance) หนี้ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันของสถาบันการเงินในการรวมหนี้ ให้กับลูกหนี้ควบคู่ไปด้วย โดยมีสาระสำคัญของมาตรการ ดังนี้

1. ห้ามเรียกเก็บค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนด (prepayment fee) สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อรายย่อย เพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ เป็นการชั่วคราว โดยให้มีผลบังคับใช้ถึงวันที่31 ธันวาคม 2566

2. ปรับปรุงแนวทางการรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น (debt consolidation) โดยขยายขอบเขตให้สามารถรวมหนี้ข้ามสถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นได้ จากเดิมที่สามารถรวมหนี้ได้เฉพาะหนี้ในสถาบันการเงินเดียวกัน ทั้งนี้ ในกรณีที่สถาบันการเงินมีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้นได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม

ส่วนในกรณีที่รับโอนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (refinance) มาจากสถาบันการเงินอื่น สถาบันการเงินสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ได้ สำหรับสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่นำมารวมหนี้ด้วย ให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เป็นอัตราที่ใช้หลังการส่งเสริมการขาย (teaser rate) บวกร้อยละ 2 ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรายย่อยโดยทั่วไปอย่างมีนัย โดย ธปท. ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์

รวมถึงการกำกับดูแล ทั้งการจัดชั้นหนี้ การกันเงินสำรอง และการดำรงเงินกองทุน เพื่อลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงินที่ช่วยเหลือลูกหนี้ สำหรับการรวมหนี้ที่ดำเนินการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อสนับสนุนให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่าสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะทยอยเสนอผลิตภัณฑ์การรวมหนี้ได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2564 โดยลูกหนี้สามารถติดต่อสถาบันการเงินโดยตรงเพื่อสมัครเข้าร่วมมาตรการ

“ภายใต้มาตรการครั้งนี้ ธปท. ขอให้สถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจ เร่งดำเนินการเพื่อช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ ตลอดจนกำหนดค่างวดการผ่อนชำระของลูกหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ในสภาวการณ์ปัจจุบันเพื่อให้สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งลูกหนี้ สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ดีที่สุด” นางรุ่ง กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมตรวจสอบ ธนาคารพาณิชย์ ขายประกันภัยไม่ถูกต้อง
สาว พนักงานธนาคาร ขอลาออก พร้อมเผยถูกกดดันยอดขายประกัน
ไม่รอด! รวบคารถทัวร์ โจรชิงธนาคาร 6 แสน อ้างติดหนี้ 3 ล้าน เจ้าตัวขอโทษสาวแบงก์ก่อนหอบเงินหนี ลั่นไม่ขอประกัน (คลิป)

793999

111845

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม