เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 64 เพจเฟซบุ๊ก "พระจันทร์ ลายกระต่าย" ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของตำรวจชั้นผู้น้อย โพสต์แฉคลิปเสียงการสนทนา ความยาวประมาณ 9 นาที ระหว่างตำรวจชั้นผู้น้อยนายหนึ่ง สถานีตำรวจภูธรกุมภวาปี กับข้าราชการท้องถิ่นรายหนึ่ง อ้างว่าทำงานเป็นนักวิเคราะห์ฯ อยู่ที่องค์การบริหารส่วนตำบลกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยพบว่าปลายสายด่าตำรวจด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เหตุเพราะไม่พอใจที่ตำรวจโทร.ไปหาผู้ใหญ่บ้าน ถูกออกหมายเรียกให้ไปพบพนักงานสอบสวน
ปลายสายถามว่ารับงานเขามาเท่าไร เจ้าทุกข์ชื่ออะไร ทำไมไม่โทรศัพท์หา เพราะตนทำงานอยู่ที่ อบต. ใกล้กับโรงพัก ก่อนจะดูหมิ่นตำรวจด้วยคำว่า "ชาติหม-" ทำแบบนี้เจอส้นตี-แน่ เป็นตำรวจประสาอะไร ไม่รู้กฎหมายหรือไง พร้อมพยายามถามตำรวจปลายสายว่าชื่ออะไร จะไปหาถึงโรงพัก อ้างว่ารู้จักกับพนักงานสอบสวน เคยเรียกไปช่วยงานเป็น รปภ.คุมหน่วยเลือกตั้ง ขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ตำรวจที่คุยสายพยายามใจเย็นตอบว่า "ครับ" และพยายามให้ไปคุยกับ ผกก.สภ.กุมภวาปี
ล่าสุด วันที่ 19 พ.ย. 64 ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.กุมภวาปี ดาบตำรวจบุญหลาย บอกว่า ที่ตนเองต้องตัดสินใจบันทึกเสียงเอาไว้ เพราะว่าตนเองถูกด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายถึงชาติกำเนิด ยืนยันว่าคลิปเสียงที่ถูกเปิดเผยออกไป ไม่ได้มีการดัดแปลงหรือจงใจจะดิสเครดิตใคร
ซึ่งต้นเรื่องคลิปเสียงดังกล่าวที่ปรากฏมาจากเรื่องที่ตนเองโทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อตรวจสอบหาบุคคลตามทะเบียนราษฎร หลังได้รับแจ้งจากสำนักงานรับเรื่องร้องทุกข์ของจเรตำรวจ ให้ตามหาและเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบปากคำเท่านั้น ที่บุคคลในคลิปเสียงเขาอ้างว่าทำไมไม่ไปบอกด้วยตัวเอง ยืนยันว่าตนเองไม่เคยรู้จักกับบุคคลในคลิปเสียงมาก่อน ที่ต้องบันทึกเสียงเอาไว้
เพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวต้องอ้างไปต่าง ๆ นานา เพื่อจะไม่ยอมรับผิด ถ้าไม่บันทึกเสียงเอาไว้ก็คงต้องถูกด่าฟรี ยืนยันจะเดินหน้าเอาผิดให้ถึงที่สุด เพราะรับไม่ได้ที่เขาด่าถึงชาติกำเนิด ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานว่าจะเอาผิดคนในคลิปข้อหาอะไรได้บ้าง ส่วนต้นคลิปที่บันทึกไว้ทั้งหมดตอนนี้ถึงมือผู้บังคับบัญชาแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้หากคนในคลิปยอมรับความจริงและมาขอโทษ เรื่องทั้งหมดก็จะจบ และตนเองคงจะไม่ดำเนินคดี แต่ในเมื่อให้โอกาสได้มาชี้แจงแล้ว คนในคลิปยังไม่ยอมรับความจริงแบบนี้ ตนเองก็จะดำเนินคดี เบื้องต้นในฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน, ข่มขู่เจ้าพนักงาน โดยจะไม่มีการยอมความ
ด้านนายสุรการ ศรีบุญเรือง เปิดใจว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นข่าว และยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงสนทนานี้ ทีมข่าวเปิดคลิปเสียงให้ฟัง นายสุรการก็ยืนยันว่าตนเองไม่เคยโทรศัพท์ไปข่มขู่ตำรวจ ไม่เคยมีนิสัยด่ากร่างใส่ใคร และขอยืนยันว่าคลิปเสียงที่มีการอ้างว่าเป็นเสียงของตนเองนั้น คลิปเสียงนี้เป็นคลิปเสียงที่ถูกตัดต่อดัดแปลง เปลี่ยนเสียงให้คล้ายกับเสียงของตนเอง ตนก็ไม่รู้ว่าต้นฉบับของเสียงเป็นเสียงของใคร
ส่วนที่ในคลิปมีการระบุชื่อในเสียง และยังมีการโชว์เบอร์โทรศัพท์ที่เป็นเบอร์ส่วนตัวของตนนั้น ก็เป็นการตัดต่อจากผู้ไม่หวังดี ที่สมัยนี้มีคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่จะตัดภาพตัดเสียงหรือทำอะไรก่อนโพสข้อมูลลงโลกโซเชียลฯก็ได้
ตนขอยืนยันว่า ตอนนี้ตนเองถูกตราหน้าจากสังคมว่าเป็นข้าราชการที่นิสัยไม่ดี เรื่องนี้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลมาก จึงตัดสินใจแล้วว่าจะรวบรวมข้อมูลเพื่อฟ้องกลับ โดยจะฟ้องไปยังดาบตำรวจคนที่ปล่อยคลิปนี้ ฟ้องต่อทางเพจเฟซบุ๊กที่นำข้อมูลปลอมลงสู่โลกออนไลน์
นอกจากนี้ เหตุที่ถูกกลั่นแกล้งหรือใส่ความ มาจากในปี พ.ศ.2559 ตนเองเคยไปทำธุรกิจเป็นนายหน้าขายที่ดินร่วมกับผู้เสียหายรายหนึ่ง ก่อนจะมีรอยร้าวระหว่างกัน และทำให้แยกกันทำธุรกิจ พอหลังแยกทางกับผู้เสียหายรายนี้ ตนเองก็เริ่มถูกคุกคาม ด้วยการถูกคนตาม ถูกข่มขู่ และถูกแบล็กเมลเพื่อดิสเครดิตการทำธุรกิจมาโดยตลอด ที่ผ่านมาตนเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด และจึงมองว่าหลังจากนี้จะไม่ยอมอีกแล้ว จะขอเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมและชื่อเสียงของตัวเองกลับคืนมา
