ใหม่ สุคนธวา พร้อมกับสามี ต้น สรพงษ์ จิตต์สุนทร และทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต เดินทางไปที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อแจ้งความเอาผิดคนตัดต่อภาพอนาจาร พร้อมยื่นหลักฐานเพิ่มเติมคดีบริษัทโดนยักยอกเงิน
โดย ใหม่ สุคนธวา เผยว่า “วันนี้ใหม่มาแจ้งความ 2 คดีค่ะ คดีแรกเพิ่งโดนสดๆ ร้อนๆ เป็นการตัดต่อภาพใหม่ ในภาพนี้คือภาพปกติที่มันไม่ได้โป๊ แต่ว่าแฟนคลับเขาเจอ แล้วก็ส่งมาให้ดูว่ามีคนตัดต่อให้เป็นภาพโป๊ เห็นทุกอย่างข้างในของเรา ซึ่งเราก็ตกใจจากภาพ”
“แต่มันมีข้อความบางอย่างที่เราต้องตกใจมากกว่านั้นคือ มีแชทคุยกันประมาณว่า "ส่งงานครับท่าน" อีกคนบอกว่า "งานไม่ค่อยดี" อีกคนบอก "อ้าว ก็ท่านบอกให้เบลอ ไม่ได้ให้ถอดหมด" อีกคนบอก "งั้นเอาเลขบัญชีมา" อีกฝ่ายก็ตอบ "ไม่เป็นไรครับถ้าท่านไม่ชอบผมก็ไม่เอาตังค์" เราก็เลยมีความรู้สึกว่า คุณกำลังรับจ้างตัดต่อรูปโป๊ของดาราหรือรูปโป๊ของเราเพื่อคนอื่นเหรอ แล้วคนที่ทำ ก็นำรูปที่ตัดต่อไปโพสต์ในทวิตเตอร์ว่า ท่านไม่ชอบ อุตส่าห์ทำตั้งนาน 9 โมงถ้าใครไม่ดูจะลบแล้วนะ เราก็เลยรู้สึกว่ามันละเมิดสิทธิของเรา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และการที่ตัดต่อรูปเราแล้วเอาไปทำเป็นอาชีพที่มันไม่สุจริตมันก็ไม่โอเคอยู่แล้ว และคนก็จะมองเราไม่ดี มองเราว่าเป็นผู้หญิงอย่างนั้น ก็ไม่โอเค ทนายเจมส์ก็เลยไปเสิร์ชดูแอคเคาน์ท์แล้ว ตอนนี้ปิดทุกอย่างไปแล้ว”
“ถ้าภาษาบ้านๆ ก็ดูเหมือนเราเป็นผู้หญิงขายบริการ แล้วเอารูปของเราไปขายกับอีกท่านใดท่านหนึ่ง เราไม่ได้ดูถูกผู้หญิงบริการนะคะ เราแค่รู้สึกว่าที่คุณทำแบบนี้มันเปรียบเราเป็นแบบนั้น ซึ่งเราไม่โอเค เอาเปรียบเราเกินไป เราก็ทำอาชีพสุจริต หาเงินเหนื่อยด้วยความยากลำบาก ทำไมต้องมาโดนอะไรแบบนี้ สงสารคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ และสงสารลูกด้วยค่ะ ในฐานะแม่ แล้วใหม่มีลูกผู้ชาย ใหม่อายลูกและสงสารลูก ถึงเขาจะมองว่าแม่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่แม่แต่งตัวขนาดนี้เลยเหรอ เขาอาจจะไม่เข้าใจว่าตัดต่อคืออะไร ทำไมแม่เป็นผู้หญิงแบบนี้ มันจะมีคำถามของเขาอีกมากมาย ซึ่งถึงเราจะเป็นดาราที่มีภาพลักษณ์นางร้ายและเซ็กซี่ แต่เราไม่ได้ทำงานอย่างนั้น เราจะเซ็กซี่ก็ต่อเมื่อถูกรีเควสต์ว่าอยู่ในเลเวลประมาณไหน แต่ขนาดนี้ไม่มีแน่นอน แต่ก็กลัวลูกจะเข้าใจผิดค่ะ”
“จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดค่ะ ต้องปรึกษาทนายเจมส์ถ้าหาตัวตนได้ เพราะนอกจากนี้มันยังมีข้อความที่ส่งอวัยวะเพศชายมาให้ใหม่เยอะมาก เราก็ไม่รู้ว่าใช่คนๆ นี้หรือเปล่า แต่ส่งมาทุกวัน เราก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเราไปไหนมาไหนแล้วโดนทำอนาจารขึ้นมาจะทำยังไง”
“จริงๆ ใหม่เคยโดนเรื่องตัดต่อแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่อันนี้รุนแรงที่สุด เพราะมันเห็นจุกเลย ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ใช่หน้าเราแต่หุ่นเรา หรือ หน้าเราแต่เป็นตัวคนอื่นมาตัดต่อ แต่นี่คือตัวเราล้วนๆ แล้วเบลอให้เห็นจุก มันเกินไป คุณอาจจะมีแม่ มีน้องสาว คุณต้องคิดบ้างว่ามันควรเหรอ ถ้าแม่หรือน้องสาวคุณโดนขึ้นมาคุณจะทำยังไง ใหม่ก็หวังเล็กๆ ว่าจะเจอคนทำ แต่มันเป็นอวตาร มันก็ยากมากๆ และยิ่งตอนนี้ปลิวไปแล้ว เท่าที่คุยกับทนายเจมส์ก็อาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควร”
“มันเหมือนเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และละเมิดสิทธิสตรีมากกว่า แล้วเรารู้สึกว่าที่เรียกท่านน่ะ ท่านคือใคร ท่านมีอิทธิพลขนาดนี้เลยเหรอที่จะทำให้คนๆ หนึ่งเสียหายทางด้านภาพลักษณ์ ภาพพจน์ เสียหายแก่ครอบครัว แล้วท่านเอาเงินไปให้คนทำแบบนี้เหรอเราไม่รู้ว่าท่านคือท่านไหน แต่เราพูดโดยรวมว่าไม่ควรเป็นแบบนั้น ได้เงินมันง่ายแต่ทำให้คุณไม่มีจิตสำนึก”
“ถ้าหากว่าดูอยู่ใหม่อยากจะบอกว่าใหม่เอาจริง และใหม่ก็จะตามตัวให้ได้ ไม่อยากให้ทำกับดาราคนไหนหรือว่าทำกับใครก็ตามคุณก็ไม่ควรทำ เพราะมันคือการล่วงละเมิดทางเพศของเขาทางอ้อม คุกคามด้วย เราก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เขาจะเอาไปทำอะไรมากกว่านี้ ซึ่งมันจะทำให้ทุกคนอันตราย ไม่ว่าจะดาราหรือคนธรรมดา เราอยู่ในที่แจ้ง เขาจะมาทำอะไรยังไงมันก็น่ากลัวอีก เพราะฉะนั้นอย่าทำเลย ให้เกียรติลูกผู้หญิงเพศแม่ ขอโทษเป็นเงินจะได้หลาบจำค่ะ”
ส่วนอีกคดีเป็นเรื่องบริษัทโดนยักยอกเงิน โดย บริษัทชินะชินะ และอีกบริษัทชื่อชินะ อินเตอร์ไพรส์
ใหม่ เล่าว่า “เราโดนฉ้อโกง ซึ่งเราทำงานร่วมกับค่ายๆ หนึ่ง โดยการที่เราโอนเงินไปให้ แต่ค่ายนั้นเขามีตัวกลางเป็นพนักงานของเขา มารับเงินแทน แล้วคนนี้ฮุบเงินไปส่วนหนึ่ง อย่างเช่นเราทำงานกับค่ายๆ นี้ เราตกลงราคากันที่ 30 ล้านบาท เราโอนไปให้พนักงานที่เป็นตัวกลางไปแล้ว แต่ตัวกลางหักเงินไว้ประมาณ 5-6 ล้านบาท แล้วก็ที่เหลือค่อยเข้าบริษัท ซึ่งบริษัทไม่รับรู้เรื่องอะไรกับการที่พนักงานคนนี้โกง เพราะฉะนั้นต้องแยกก่อนว่า เราไม่ได้มีปัญหากับทางค่าย เรามีปัญหากับตัวบุคคล ตอนนี้มันอยู่ในช่วงของการดำเนินคดี ใหม่ในฐานะที่เป็นกรรมการแล้วก็เป็นเจ้าของบริษัท จะมาฟ้องร้องอีกครั้งหนึ่ง ว่าเราโดนจริงๆ นะ แล้วเป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่พอสมควรที่เรารู้สึกว่าเราสูญเสียทรัพย์ก็ต้องเอาเรื่อง”
เมื่อถามว่าเจ้าของบริษัททราบถึงการกระทำของพนักงานคนดังกล่าวไหม ต้น สรพงษ์ เผยว่า “ตอนนี้เขาน่าจะทราบแล้วครับ แต่ผมไม่รู้วิธีการดำเนินการของเขา แต่ว่าบุคคลคนนั้นก็ยังทำงานอยู่ ยังอยู่ในกรุ๊ปการเงิน และเขาก็ใช้ชีวิตดีมาก สิ่งผมตกใจมากที่สุดก็คือ เขามาบอกว่าบริษัทนี้ เป็นบริษัทที่เปิดขึ้นมาใหม่ เป็นบริษัทลูกของบริษัทในเครือ ให้เราโอนเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการซื้อขายไทอินทั้งหมดไปที่บริษัทนี้ได้เลย ผมเริ่มเอะใจว่ามันใช่เหรอ สุดท้ายเรารวมเอกสารแล้วไปเช็คกับทางบริษัทแม่ ว่ามันมีบริษัทนี้จริงหรือเปล่า สุดท้ายก็ไม่จริง บริษัทแม่ไม่รู้เรื่อง ซึ่งมันก็ต้องไปยันที่ต้นขั่วใบเสร็จ มันจะมีส่วนต่างที่มันเกิดขึ้น เงิน 20-30 ล้าน มันเห็นส่วนต่างแน่นอน แต่เราไม่สามารถรู้ได้เลย เราต้องขอใบเสร็จจากบริษัทแม่ ซึ่งบริษัทแม่เขาเป็นบริษัทมหาชน เขาก็มีขั้นตอนของเขาและทีนี้เราอาจจะต้องยื่นเรื่องที่ กกต. อีกครั้งหนึ่งด้วย”
นอกจากนี้ ใหม่ ยังบอกอีกว่า “ตอนแรกไม่ได้เอะใจ พูดตรงๆ เป็นคนที่เราไว้ใจเลย เป็นคนใกล้ตัว แต่ว่าสักพักหนึ่ง เขาห้ามเราไปหน้างานนะ ห้ามคุยกับผู้ใหญ่ ห้ามคุยกับบริหารค่ายต่างๆ เราเลยสงสัยทำไมห้ามเยอะจัง จึงได้เช็คไปทางผู้บริหารค่ายนั้น กลายเป็นโป๊ะแตกขึ้นมา เพิ่งรู้ว่าเขาทำแบบนี้ด้วย”
ต้น กล่าวว่า “ซึ่งความพีคคือ เขาใช้ชื่อญาติเขาจดเป็นชื่อบริษัทหมดเลย แต่ความโชคดีของผม ผมเคยส่งพวงหรีดไปให้ญาติของบุคคลนั้นตอนที่เขาเสียชีวิต ผมเลยไปเช็คกับร้านส่งพวงหรีดแล้วรู้ว่ามันเป็นบ้านเกิดของเขา เลยทำให้เรารู้ว่า โอโห้ เหนือชั้นจังเลย”
ใหม่ เสริมว่า “เขาน่าจะทราบตอนที่พี่ต้นแจ้งความไปแล้วครั้งแรก แต่เขายังใช้ชีวิตหรู อยู่สบายกินดีมีสุขกว่าเราอีก เพราะว่าเราโดนไปแล้วหลายล้านบาท ตอนนี้เรามาตอกย้ำอีกทีหนึ่งว่า ฉันไม่ได้ลืมสิ่งที่คุณกำลังทำผิดกับเรานะ ฉันกำลังจะเอาจริงกับสิ่งที่คุณฉ้อโกงเราอยู่นะ ถึงเงินจะไม่ถึงล้าน เงินเป็นแสนเราก้จะเอาเรื่องคุณ เงินเป็นพันเราก็จะเอาเรื่องคุณ แต่อันนี้เงินหลายล้านมากเพราะฉะนั้นคุณต้องอยู่ไม่สุขแน่ๆ เพราะกว่าเราจะหาเงินมาได้ในการที่ทำธุรกิจตรงนี้ความเหนื่อยมันมากมายแค่ไหน แต่คุณมาเอาความสบายแบบนี้มันไม่โอเค”
ต้น ยังบอกอีกว่า “ล่าสุดที่คุยมีหัวหน้าของเขามาขอร้องผมว่าไม่ให้แจ้งความ ผมเลยถามกลับไปว่าเพราะอะไรถึงไม่ให้แจ้งความ เขาบอกว่าอย่าไปทำเลย มันบาปกรรม อ้าวพี่แล้วสิ่งที่เขาทำกับผมมันยิ่งกว่าบาปนะ มันคือการทำผิดกฎหมาย”
เคยร่วมงานกันมาก่อนไหม?
ใหม่ : “ใหม่เคยร่วมงาน เพราะใหม่เคยเล่นละครกับทางค่ายนี้ด้วย เคยเจอกับเขาประปราย ตอนนั้นก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะโกงเรา หรือว่ามีเรื่องแบบในทุกวันนี้”
ต้น : “เราย้ำก่อนว่าเราไม่ได้มีปัญหากับทางบริษัทแม่ เราจะดำเนินคดีตัวบุคคลกับตัวบริษัทที่อุปโลกน์ขึ้นมา”
ใหม่ : “กับทางค่ายเราก็ยังรักเรา และเคารพ แล้วเราก็ยังรู้สึกว่าเขาก็เคยให้งาน ให้เงิน แล้วมีบุญคุณกับเราสองคนตลอดเวลา เราก็รู้สึกว่ามันแยกประเด็นกัน เราเอาที่ตัวบุคคลดีกว่าแล้วเราก็ไม่อยากรับคำขอโทษ ถ้าเราให้อภัยกับคำว่าขอโทษอย่างเดียว คุณจะไม่หลาบจำ เอาไปทำกับบริษัทอื่นอีก และอยากเป็นตัวอย่างกับบริษัทอื่นๆ ด้วยว่าการที่โดนหลอกแบบนี้ เราอย่าให้อภัย เราต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทุกคนจะได้ทำทุกอย่างให้เป็นสุจริต”
“ใหม่อยากได้เงินคืนนะคะ พูดกันตรงๆ นะถ้าบุคคลนี้ขอเราตั้งแต่แรกว่า ขอกินหน่อย ขอใตโต๊ะหน่อย เพื่อให้ท้องอยู่สบาย บอกตรงๆ เราโอเคให้เอาไปเลย แต่อันนี้ไม่ได้ขอเรา แต่บุคคลนี้เป็นตัวแทนของบริษัท ทำงานมา 20 กว่าปี เขาไม่น่าหลอกเรา ไม่น่าทำกับค่ายนี้”
บทเรียนในครั้งนี้ ?
“ใหม่เตือนเขาประจำ เขาเป็นคนที่เชื่อคนง่ายแล้วก็เป็นคนที่จริงใจ อย่าคิดว่าทุกคนเป็นแบบเขา บางทีเราจริงใจมากเกินไป มันก็ไม่ได้รับความจริงใจตอบ เพราะฉะนั้นต้องดูก่อน ใหม่ดูโหงวเฮ้งคนเป็น ใหม่เตือนเขาแล้ว ว่าคนนี้มีอะไรผิดปกติ สายตาไม่น่าไว้ใจ แล้วมันก็เป็นจริงๆ”
ต้น : “คือจริงๆ ทุกคนอาจจะบอกว่าทำไมต้นโง่จังเลย บริษัทใหญ่โต โอนไปตั้ง 30 ล้าน การที่ทำธุรกิจมาถึงจุดนี้ไม่มีใครโง่ เราแค่รู้สึกว่าเรามั่นใจเพราะว่าเขาคือคนเดียวที่มาคุย และใหญ่สุดให้ฝ่ายขาย และการเงินด้วย แล้วบอกว่ามาจากบริษัทแม่ด้วย มันก็เลยเข้าข้อกฎหมายเรื่องของฉ้อโกง”
ใหม่ : “วันนี้เรามาในต่างกรรมต่างวาระ การโอนแต่ละครั้งเงินมันจำนวนเยอะ มันไม่ได้แค่ครั้งหรือสองครั้ง เรามีหลักฐานทุกอย่าง เก็บสลิปทุกอย่างเพื่อเป็นหลักฐาน ถ้าเขาบอกว่าไม่จริง อันเนี้ยก็งัดมาสู้กันเลยว่าใครผิดใครถูก แล้วเราไม่เอาเวลาของเรามานั่งแบบเสียเปล่าประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าหากว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
อยากฝากอะไรถึงคู่กรณีไหม?
ใหม่ : “ฝากด้วยแล้วกันในฐานะกรรมการบริษัท ก็มีความรู้สึกว่ากับความรู้สึกดีๆ ที่เราเคยมีให้กันมันคงต้องจบเท่านี้ การให้อภัยให้อภัยได้แต่ถ้าให้อภัยกับคนที่ไม่รู้จักคำว่าจิตสำนึก ใหม่ไม่อยากให้อภัย เพราะฉะนั้นเราเหนื่อยมาเยอะกับการหาตังค์ คุณอย่าสบายกับการที่เอาตังค์เราไปเลยค่ะ”
ต้น : “ฝากถึงพี่ๆ ดารานักแสดงที่ยังร่วมงานเขาอยู่ แล้วก็ยังใช้ชีวิตใกล้ชิดเขาอยู่ ต้องระวังบุคคลเหล่านี้ไว้แล้ว ผมแค่รู้สึกว่าเขาเป็นบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ฝากถึงพี่นักแสดง และทุกค่ายเอเจนซี่ ถ้าเจอคนนี้ต้องระมัดระวังด้วย”
