กรณีอุทาหรณ์สำหรับคนใช้รถ หลังปรากฏคลิปสาวขับเก๋งมาตามปกติ แต่กลับมีเด็กคนหนึ่งที่มือหลุดจากผู้ปกครอง วิ่งเข้ามาชนรถเก๋งจนล้มบาดเจ็บ โชคดีที่เด็กไม่ได้โดนรถทับ ไม่เช่นนั้นอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ ผู้ปกครองของเด็กจึงไม่พอใจเรื่องที่คนขับรถเก๋งไปแจ้งความ เพราะมองว่ากำลังเล่นแง่ ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้คนผิดคือคนปล่อยเด็กหลุดมือมาวิ่งกลางถนน จึงฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า กรณีแบบนี้รถใหญ่มักจะตกเป็นฝ่ายผิดเสมอ จึงจำเป็นต้องระวังให้มากที่สุดในการขับรถ แม้บางครั้งอุบัติเหตุจะไม่ได้มาจากฝ่ายคนขับรถเก๋งก็ตาม
ล่าสุดวันที่ 15 พ.ย. 64 ทีมข่าววิดีโอคอลไปพูดคุยกับ น.ส.ณัฏฐณิชา หะนันตะ หรือ แพร อายุ 31 ปี คนขับรถเก๋งคันดังกล่าว เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (14 พ.ย.64) เวลา 09.00 น. ที่ตลาดรังสิต จ.ปทุมธานี ขณะนั้นตนกำลังจะขับรถไปธุระ แต่เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ พี่เลี้ยงเด็กไม่ทันได้จับตัวเด็กเอาไว้ ทำให้เด็กหญิงวัย 2 ขวบวิ่งมาชนที่ประตูรถฝั่งซ้ายของตน
ในตอนนั้นตนรู้สึกตกใจมาก ๆ จึงรีบพาเด็กไปที่ รพ.สต.ใกล้ที่สุด ซึ่งแพทย์ก็ตรวจร่างกายพบว่าเด็กไม่ได้เป็นอะไร แค่ศีรษะบวมเท่านั้น แต่เนื่องจากพ่อแม่เด็กไม่สบายใจ ตนจึงพาไปเอกซเรย์ร่างกายอีกครั้ง พบว่าเด็กไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้ ตอนแรกตนไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคิดว่าตนเป็นฝ่ายผิด อีกทั้งรู้จักกับพ่อแม่ของเด็ก ซึ่งเขาก็ไม่เอาเรื่อง แต่ช่วงที่ไปดูกล้องวงจรปิด ฝ่ายพี่เลี้ยงคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้ตำหนิว่าตนตั้งแง่ และกล่าวหาว่าตนเป็นฝ่ายผิด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนโมโห จึงได้โพสต์คลิปดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก เพื่อให้สังคมได้ตัดสินว่าใครเป็นฝ่ายผิด
อย่างไรก็ตาม พี่เลี้ยงที่ปล่อยเด็กมานั้น เขาไม่ได้โทษตัวเองเลย ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ของเด็กก็ไม่ติดใจเอาความ เพราะเขาเห็นแล้วว่าเด็กเป็นฝ่ายวิ่งมาชนรถของตน ตำรวจไม่ได้ดำเนินคดีอะไรกับตน ส่วนค่ารักษานั้นก็ให้ประกันเป็นคนรับผิดชอบ ซึ่งเด็กก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ให้ข้อมูลว่า หากดูจากคลิปดังกล่าวที่ใช้เป็นหลักฐานในคดี ฝ่ายสาวขับรถเก๋งไม่มีความผิด เนื่องจากว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ที่ไม่ว่าเกิดกับใครก็ไม่สามารถเบรกได้ทัน และฝ่ายสาวรถเก๋งยังสามารถเอาผิดกับผู้ปกครองของเด็กได้อีกด้วย หากรถได้รับความเสียหาย
