จากเหตุการณ์สลดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ภายในบ้านพักหลังหนึ่งใน ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม พบศพสามีภรรยาคู่หนึ่งถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้าน คือ น.ส.กัณฐมณี หรือ มิ้น อายุ 42 ปี นอนคว่ำจมกองเลือดอยู่บนที่นอน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด ส่วนอีกศพที่ชั้น 2 เป็นจ่าสิบเอกยุทธนา หรือ ยุทธ อายุ 38 ปี ข้าราชการทหาร มีบาดแผลถูกยิงตามลำตัว 4 นัด
ขณะเดียวกันในบ้านที่เกิดเหตุ พบนายสุนทร อายุ 74 ปี ผู้ที่อยู่ในบ้านเกิดเหตุให้การกับตำรวจ บอกว่าเป็นเเฟนของนางสาวมิ้น แต่อ้างว่าไม่รู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทางญาติผู้ตายตั้งข้อสันนิษฐานว่าสาเหตุการตายมาจากสาเหตุใด
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่วัดดอนมะเกลือ ตำบลปากสะแก อำเภอเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี สถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของ จ.ส.อ.ยุทธนา โดยวันนี้มี พันตรีไพศาล นิลบดี พร้อมคณะอีกประมาณ 20 นาย ได้รับมอบหมายให้มาเป็นประธานฝ่ายฆราวาสแทน ผู้อำนวยการกองซ่อมเครื่องสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ กรมการทหารสื่อสาร ต้นสังกัดของผู้เสียชีวิต
นางสาววรรณวิสา น้องสาวของจ่ายุทธ บอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าทางคดี และตั้งแต่พี่ชายตายก็ไม่ได้มาเข้าฝัน ส่วนตัวกับครอบครัวยอมรับว่าตอนนี้กังวลใจมาก เพราะคนที่ไปเจอศพเป็นเสี่ยสุนทร ซึ่งนางสาวมิ้นบอกว่าเป็นพ่อ แต่ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็น เสี่ยสุนทรเลย แม้กระทั่งตอนที่แต่งงานก็ไม่มา ได้ยินแค่เขาคุยโทรศัพท์กันเท่านั้น
ที่ผ่านมาพี่ชายไม่ค่อยเล่าเรื่องราวปัญหาชีวิตให้กับตนหรือครอบครัวฟัง ทำให้ตนไม่สามารถที่จะนึกหรือว่ารู้ได้เลยว่าชนวนมาจากอะไร เวลาพี่ชายมาบ้านก็ดูปกติตลอด อย่างหนึ่งที่ตนเอะใจคือที่ผ่านมาพี่ชายไม่เคยเห็นหน้าของลูกฝ่ายหญิง ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า ตอนนี้เสียใจมาก เพราะพี่ชายเป็นเสาหลักของบ้าน คอยเป็นที่ปรึกษาของตนมาโดยตลอด หลังจากนี้ตนคงเป็นเสาหลักแทน มีการบอกดวงวิญญาณของพี่ชายไปแล้วว่าจะดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุด อยากให้ดวงวิญญาณของพี่ชายมาดลใจเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตามหาเบาะแสหรือผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว นอกจากนี้ ตนมองเป็นเป็นปัญหาส่วนตัวของทั้ง 2 คนมากกว่า
เพื่อนทหาร บอกว่า เท่าที่ตนรู้คือเสี่ยสุนทรเคยไปบ้านพักของจ่ายุทธนา ตั้งแต่ตอนที่จ่ายุทธนาเพิ่งคบกับนางสาวมิ้นแรก ๆ แถมยังเคยไปกินข้าวด้วยกันแบบ 3 คนอยู่เป็นประจำด้วย เพราะฉะนั้นเป็นไม่ได้เลยที่เสี่ยสุนทรจะบอกว่าไม่รู้จักจ่ายุทธนา และนางสาวมิ้น ยังเคยบอกตนอีกว่าตัวเองเป็นลูกของเสี่ยสุนทร แต่ตนมารู้ภายหลังตอนที่เกิดเหตุว่าเขาไม่ได้เป็นพ่อลูกกัน
และที่สำคัญ ลูกสาวของนางสาวมิ้นก็อยู่ในงานแต่งของนางสาวมิ้นกับจ่ายุทธนาด้วย คอยถือกระเป๋ารับซองเงินจากแขกด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ตัวเองไม่เคยเห็นหน้าลูกตัวเป็น ๆ ด้วยซ้ำ เพราะนางสาวมิ้นบอกว่าที่ไม่เอามาให้เลี้ยงเพราะเสี่ยสุนทรไม่ยอมให้พามา ดังนั้นตนจึงมั่นใจว่าทั้งคู่ไม่เคยมีลูกด้วยกัน สุดท้ายอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการสืบหาผู้ก่อเหตุโดยเร็ว
อีกหนึ่งอย่างที่ตอนผิดสังเกตคือ วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา 15.00 น. ตนเจอกับจ่ายุทธเป็นครั้งสุดท้าย ตนสังเกตเห็นว่าเขาใส่เครื่องประดับทองเต็มตัว แต่ตอนที่เป็นศพในพบวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2564 กลับไม่มีอะไรเหลือที่ร่างกายเลย ส่วนเรื่องของจดหมายลาตายนั้น ตนก็ยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือของจ่ายุทธนาแน่นอน
ที่วัดโคกพระเจดีย์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เวลา 15.30 น. มีพิธีฌาปนกิจศพ นางกัณฐมณี หรือ มิ้น อายุ 42 ปี หลังเสร็จสิ้นพิธี ทางด้านนางศิตา ปิ่นทองคำ อายุ 42 ปี แฝดพของนางมิ้น เเละนางเขมิกา ชนัตยาภิรมย์ อายุ 42 ปี เพื่อนสนิทของมิ้น เปิดเผยว่า ตนต้องขออโหสิกรรมกับครอบครัวของจ่าสิบเอกด้วยกายวาจากรรม วจีกรรม มโนกรรมทุกอย่าง กรรมใด ๆ ที่น้องมิ้นได้ล่วงเกินครอบครัวของจ่าสิบเอก ตนขอเป็นตัวเเทนขออโหสิกรรม ขอขมาต่อครอบครัวของจ่าสิบเอก
ตนยอมรับว่าอดีตนายสุนทรคือแฟนเก่าของน้องสาวจริง เเต่ก็เลิกรากันไปนานเเล้ว จนมิ้นได้มาเจอกับจ่าสิบเอกผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อ 3 ปีก่อน ได้พูดคุยกันจนตกลงคบหา ซึ่งตอนนั้นจ่าสิบเอกอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และเมื่อได้ย้ายกลับมาที่ กทม. ก็ได้เเต่งงานจดทะเบียนสมรสกับมิ้น อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เเละอยู่กินกันฉันสามีภรรยากัน
ทั้งนี้ ภาพในเฟซบุ๊กยืนยันมีภาพเที่ยวัดซึ่งในภาพจะมีนายสุนทร หลังจากมิ้นเเละจ่าสิบเอกเเต่งงานกันเเล้ว นายสุนทรกลับเข้ามาในชีวิต เเต่มารอบนี้เป็นเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ของครอบครัวมากกว่า ไม่ใช่มือที่สาม ส่วนเรื่องที่ว่านายสุนทรเคยให้ข่าวว่าเป็นเเฟนของมิ้น เเละจ่าสิบเอกเป็นญาติมิ้น รวมถึงที่ครอบครัวของจ่าให้ข่าวว่ารับรู้จากมิ้นว่านายสุนทรเป็นพ่อของมิ้นนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของมิ้น เพราะมิ้นไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวของเขาให้ฟังมากนัก
ส่วนจดหมายลาลูกสาว มีจำนวน 3 หน้ากระดาษ เนื้อความประมาณว่าขอโทษที่ตัดสินใจแบบนี้ อยากให้ลูกสาวของตนดูแลหลานๆ เเละเติบโตเป็นเเม่ที่ดี เเละคำสอนต่างๆ ที่ฝากฝังให้ลูกสาวดูแลตัวเอง ก่อนจะลงท้ายว่า "รักลูกมาก ฝากบอกทุกคนว่าเเม่ขอโทษ"
ทั้งนี้ จดหมายทุกอย่างเป็นลายมือของมิ้น ยกเว้นชื่อจริงจ่าหน้าซองของยุทธนา รวมถึงชื่อ "ยุต" ที่ลงท้ายจดหมาย ตนไม่มั่นใจว่าใช่ลายมือของจ่าหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจลายมือจากตำรวจอีกครั้ง ครอบครัวตนไม่ติดใจสาเหตุการตายใดๆ ทั้งสิ้น เเละไม่ถือโทษโกรธใคร เพราะทราบอยู่เเล้วว่ามิ้นเป็นคนอย่างไร
