กรณีเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 8 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับเเจ้งเหตุยิงกัน ที่บริเวณถนนเลียบคลองบางไผ่ ซอยบางรักใหญ่ หมู่ 1 ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น พบเพียงคราบเลือดจำนวนมากอยู่ที่บริเวณถนนหน้าบ้าน ผู้เสียชีวิตคือ นายทวีศักดิ์ สุขอยู่ หรือ ตี๋ อายุ 35 ปี อาชีพช่างสัก สภาพศพสวมเสื้อยืดเเขนสั้น กางเกงยีนส์ขาสั้น ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกจำนวน 1 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือนายสิปปวุฒิ พรหมประสิทธิ์ หรือ นัท อายุ 28 ปี อาชีพช่างซ่อมปืน หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์เก๋งหลบหนีไปทางถนนรัตนาธิเบศร์นั้น
วันที่ 10 พ.ย. 64 เวลา 19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวนายนายสิปปวุฒิ พรหมประสิทธิ์ หรือ นัท อายุ 28 ปี ผู้ต้องหา กลับมาถึง สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ภายหลังจากได้พาตัวผู้ต้องหาไปค้นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ในป่าพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาเข้าห้องสอบสวน ทีมข่าวได้สอบถามนายสิปปวุฒิ เจ้าตัวเปิดเผยว่า ที่ตัวเองก่อเหตุนั้นอยากให้ย้อนกลับไปถามฝั่งผู้ตายว่าเขามาหาตนเพื่ออะไร โดยตอนเกิดเหตุตัวเองยืนยันว่าฝั่งนั้นเขามากันถึง 8 คน ส่วนที่เขาบอกว่าเขามา 3 คน ตัวเองก็อยากให้ไปย้อนกล้องวงจรปิดดูว่าที่จริงแล้วฝั่งนั้นเขามากันกี่คน
ส่วนที่ว่าตัวเองจะเอาปืนไปตบหน้านายเก้านั้น ตัวเองขอยืนยันว่าตัวเองไม่รู้เรื่องนี้ ตัวเองไม่รู้จักนายเก้า ตัวเองก็อยากบอกคนตายว่า ขออโหสิกรรมให้ด้วย
นางเขียว (นามสมมติ) แม่ของนายสิปปวุฒิ ผู้ก่อเหตุ บอกว่า แท้ที่จริงแล้ว ลูกชายตัวเองตั้งใจจะมอบตัวตั้งแต่หลังก่อเหตุ แต่เนื่องเกรงว่าจะได้รับอันตราย จากฝั่งของเพื่อนผู้ตาย ลูกชายจึงไปตั้งหลัก หาจังหวะเวลาที่เหมาะสม สำหรับลูกชายตัวเองไม่เคยรู้จักกับกลุ่มของผู้ตาย ไม่ว่าจะเป็นนายตี๋ ผู้ตาย หรือ นายเก้า ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ตัวเองคาดว่าเกิดจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปปั่นให้ฝั่งของผู้ตายและลูกชายเข้าใจผิดแล้วทะเลาะกัน แต่จริง ๆ แล้วลูกชายไม่เคยจะไปพูดว่าจะทำร้ายฝั่งคนตายเลย สำหรับตัวเองก็ตั้งใจว่าจะประกันตัวลูกชายออกมาสู้คดี แต่ไม่รู้ว่าทางศาลเขาจะให้ประกันตัวลูกชายหรือไม่
ตัวเองก็อยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย และขอแสดงความเสียใจกับเขาด้วย เหตุที่เกิดขึ้นสุดวิสัยจริง ๆ ถ้าฝั่งคนตายเขาไตร่ตรองกับสิ่งที่เขาได้ยินมาสักนิด ถ้าเขาหาข้อมูลก่อนว่าลูกชายตัวเองพูดขู่เขาจริงหรือไม่ เรื่องก็คงไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่ไปเชื่อผู้หญิงคนเดียว ตัวเองก็อยากให้มีการไปเอาเรื่องผู้หญิงคนดังกล่าว ที่เขาใส่ความให้คนทะเลาะกัน หลังเกิดเหตุตัวเองก็ได้พูดคุยกับผู้หญิงคนดังกล่าว และด่าเขาไปหลายรอบแล้ว เพราะเขาเป็นต้นเรื่องที่ทำให้คนทะเลาะกัน โดยผู้หญิงคนดังกล่าวยอมรับว่าเขาเป็นแฟนเก่าลูกชาย
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นเหตุการณ์หลังเกิดเหตุ เวลา 18.43 น. ของวันที่ 8 พ.ย. 64 หลังเกิดเหตุ จะเห็นกลุ่มเพื่อนของนายทวีศักดิ์ ผู้ตาย ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปยังจุดเกิดเหตุกันจำนวน 6 คัน เพื่อไปยังที่เกิดเหตุ หลังทราบว่านายทวีศักดิ์ถูกนายสิปปวุฒิยิงแล้ว
ภายหลังจากสอบปากคำเสร็จ นายสิปปวุฒิ ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า กรณีที่นายเก้าเขาให้ข้อมูลว่าสาเหตุมาจากเรื่องหึงหวง ที่ตัวเองหึงหวงนางสาวอีฟ แฟนเก่าตัวเองนั้น ตัวเองว่าไม่เป็นความจริง ตัวเองไม่ได้หึงหวงนางสาวอีฟแต่อย่างใด และไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหึงหวงอีกด้วย ตอนเกิดเหตุนายตี๋ ผู้เสียชีวิต เขาได้พูดกับตัวเองว่า "มึงใช่ไหม มึงออกมานี่ซิ" จากนั้นก็มีกลุ่มเพื่อนเขาขับรถมอเตอร์ไซค์มาสมทบอีก 1 คัน แล้วกลุ่มเพื่อนเขาก็บอกว่า "มึงมาหากูดิ มึงมีปืนหรอ มึงเก่งหรอ มึงกล้าหรือเปล่า" คำพูดคำจาเหล่านี้ตัวเองเรียกว่าไม่ใช่การมาพูดคุย แต่เป็นการมาหาเรื่อง ถามว่าฝั่งนั้นมีอาวุธมาไหม ตัวเองก็ไม่เห็นอาวุธพวกเขา แต่ยืนยันว่าพวกเขามาล้อมตัวเองก่อน
จังหวะก่อนจะเกิดเหตุ ตัวเองกำลังเข้าไปในบ้านหลังเกิดเหตุ แล้วเรียกให้ผู้ตายเข้าไปคุยด้านในกับตัวเอง แต่ผู้ตายเขาได้ถีบประตูใส่ตัวเอง 1 ครั้ง ตัวเองจึงยิงปืนสกัดเขา ถ้าตัวเองไม่ยิงสกัด เขาคงทำร้ายตัวเองแน่นอน ทั้งนี้ ตัวเองไม่รู้จักพวกเขาแม้แต่คนเดียว แล้วตัวเองก็ไม่ไว้ใจพวกเขาด้วย ถ้าวันนั้นตัวเองไม่ยิงเขาก่อน ตัวเองอาจโดนเขากระทืบก่อนก็ได้ เพราะฝั่งคนตายเขาก็เคยมีคดีทำร้ายร่างกายคน จะให้ตัวเองต้องเป็นแบบนั้นก่อนหรือ
สุดท้ายนี้ ตัวเองก็อยากบอกนางสาวอีฟ อดีตแฟนสาวว่า ถ้าคุณไม่ไปพูดเรื่องนี้ก็คงไม่เกิด "คุณไปฟ้องใคร ผมไม่รู้ แต่เขามาตายเพราะคุณ คุณมีไรคุณต้องมาคุยกับผม ไม่ใช่ไปฟ้องนักเลง ไปห้องจิ๊กโก๋ ให้เขามาฆ่า ให้เขามาทำร้าย แล้วสุดท้ายเขาก็ตายโดยไม่รู้เรื่อง"
นายสุดใจ สุขอยู่ พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากที่นายนัท ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวแล้ว ตัวเองก็รู้สึกดีใจ และอยากให้เขาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ใจจริงแล้วตัวเองก็อยากให้ผู้ต้องหาเขาตายตามตัวลูกชายตัวเองไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าเขาอยู่เขาก็อาจไปก่อเหตุยิงคนอื่นอีก ตัวเองมีอาชีพขายเป็ดพะโล้ ที่ผ่านมาก็จะอยู่กับนายตี๋ ลูกชายเพียง 2 คน ที่เขาช่วยตัวเองทำเป็ดพะโล้ขาย แต่หลังจากนี้ไม่มีเขาแล้ว ตัวเองก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป
ถ้าผู้ก่อเหตุจะมาขอขมาศพลูกชายตัวเองก็ไม่อยากให้เขามา เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาเพื่ออะไร แล้วตัวเองก็ไม่ให้อภัยเขาด้วย ตัวเองยังยืนยันเหมือนเดิมว่า กลุ่มลูกชายตัวเองไปกันแค่ 3 คน ไม่ได้ไปกันถึง 10 คน คิดว่าคนก่อเหตุเขาพูดเกินจริง ลูกชายตัวเองก็ตายไปแล้ว ไม่มีทางจะพูดอะไรได้
นายสนธยา รุ่งเรือง หรือ เก้า อายุ 34 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ตัวเองขอยืนยันเหมือนเดิมว่าตอนเกิดเหตุ ฝั่งตัวเองไปกันแค่ 3 คน ไม่ถึง 10 คน ตามที่ผู้ก่อเหตุโพสต์เฟซบุ๊กแน่นอน แล้วตอนที่ไปคุยกันนั้น ทางฝั่งตัวเองก็ไม่ได้ไปขู่ หรือมีอาวุธแต่อย่างใด ฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายที่บอกให้นายนัทวางอาวุธปืนลง แล้วคุยกันดี ๆ ต่างหาก
นายสนธยา เล่าต่อว่า เมื่อวันที่ 1-2 พ.ย. กลุ่มตัวเองซึ่งมีนายทวีศักดิ์ ผู้ตายด้วยนั้น ได้ไปเที่ยวล่องแพที่ จ.กาญจนบุรี แล้วมีการจ้างสาวเอนเตอร์เทนไปด้วย โดยหนึ่งในสาวเอนเตอร์เทนก็คือนางสาวอีฟ แฟนเก่าของนายนัท ผู้ก่อเหตุ โดยตอนที่ไปเที่ยว นางสาวอีฟเมาเหล้า แล้วตัวเองได้พูดเล่นในกลุ่มเพื่อนทำนองว่า "ถ้าไม่มีคนเข้ามาขวาง ตัวเองก็จะลากเข้าไปฟัดสักทีสองที" ตัวเองจึงคิดว่าเหตุนี้หรือไม่ จึงทำให้นายนัท ผู้ก่อเหตุ ไม่พอใจตัวเอง แล้วคาดว่าเขาจะเอาปืนมาตบหน้าตัวเองเพราะกรณีนี้
ตัวเองอยากบอกนายตี๋ ผู้เสียชีวิตว่าตัวเองจะไม่ให้เขาตายฟรี ถ้าจับคนร้ายได้ ตัวเองอยากถามเขาว่า ทำไมไม่คุยกันดี ๆ วันนั้นเราต้องการไปคุยกับคุณ ไม่ได้จะไปทำร้ายคุณ
